โควิดสิงคโปร์ยังระบาดดุ ผู้ติดเชื้อใหม่กลับมาทำสถิตินิวไฮเกือบ 4,000 รายหลังรัฐบาลเริ่มคลายมาตรการควบคุมบางส่วนเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้ต้องประกาศขยายช่วงเวลามาตรการควบคุมทางสังคมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกไปอีกประมาณ 1 เดือน เพื่อลดแรงกดดันต่อระบบรักษาสุขภาพ
เมื่อวันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์และแชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า สิงคโปร์กลับมาบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้งเมื่อปลายเดือนกันยายน ซึ่งจำกัดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ห้ามการรวมตัวกันเกิน 2 คน และขอให้ทำงานจากบ้าน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด และเมื่อวันอังคาร รัฐบาลสิงคโปร์รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากเป็นสถิติสูงสุดที่ 3,994 ราย
แม้สิงคโปร์จะฉีดวัคซีนให้ประชากรแล้วมากกว่าร้อยละ 84 ของประชากร 5.45 ล้านคน แต่ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการป่วยเล็กน้อยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แพร่กระจายเชื้อไวรัสและเพิ่มแรงกดดันต่อโรงพยาบาลและหน่วยแพทย์
ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านโควิด-19 ของรัฐบาลสิงคโปร์ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธว่า เตียงแยกโรคในระบบโรงพยาบาลของสิงคโปร์มีอัตราครองเตียงเกือบ 90% แล้ว ส่วนเตียงในแผนกไอซียูก็มีอัตราการครองเตียงมากกว่า 2 ใน 3
หว่อง กล่าวว่าขณะนี้ยัง “เสี่ยงเกินไป” ที่จะอนุญาตให้คน 5 คนจากครัวเรือนเดียวกันรับประทานอาหารร่วมกันได้ในร้านอาหารนอกบ้าน แต่ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ทางการจะติดตามตรวจสอบและพิจารณาอีกครั้ง
ประชากรยังมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่อไวรัส เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากสัมผัสกับไวรัสนี้ ควบคู่ไปกับโครงการบูสเตอร์ช็อตของประเทศ เขากล่าวว่า
“ขอให้เราเชื่อมั่นต่อไปว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และในระหว่างนี้ เราแสวงหาความเข้าใจของทุกคนว่าทำไมเราถึงต้องการมาตรการที่เรามีในวันนี้ และการสนับสนุนของทุกคน เพื่อปกป้องระบบการรักษาพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ของเรา”
เมื่อวันพุธที่ 20 ต.ค.2564 กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ (MOH) ออกแถลงการณ์ระบุว่า สิงคโปร์จะขยายข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19 ในปัจจุบันออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากต้องใช้เวลามากขึ้นในการรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ ข้อจำกัดภายใต้ระยะการรักษาเสถียรภาพ ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 27 กันยายน และเดิมมีกำหนดถึงวันที่ 24 ต.ค. ขยายเวลาถึงวันที่ 21 พ.ย.2564
ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เป็นประเทศต้นๆ ที่ผลักดันนโยบายเชิงรุก “โควิดเป็นศูนย์” ด้วยมาตรการเข้มข้น เช่น ปิดร้านอาหาร ปิดพรมแดน และบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม พอถึงเดือนมิถุนายน รัฐบาลแถลงแผนเดินหน้าสู่ “ยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับไวรัส”
นั่นหมายถึงมาตรการพยายามควบคุมการแพร่ระบาดด้วยวัคซีน และคอยเฝ้าระวังอัตราผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แทนการกำหนดมาตรการเข้มข้นที่จำกัดวิถีชีวิตของพลเมือง ท่ามกลางการตัดสินใจเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปัจจุบัน 84% ของประชากรในสิงคโปร์ได้รับวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ครบแล้ว และ 85% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม โดยวัคซีนหลักคือไฟเซอร์และโมเดอร์นา