โรมโหนผกก.โจ้โยงตร.ทำร้ายม็อบเถื่อน!ไม่พลาดโยงต่อสถาบันฯโชว์ตรรกะป่วยเป็นตร.จิตอาสา

2455

จากคดีร้อนวงการสีกากี ทำให้มีการเซ็นคำสั่งย้ายด่วน “ผู้กำกับโจ้” หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ นรต.รุ่น 57 ออกจากพื้นที่นั้น

ทั้งนี้สืบเนื่องภายหลังมีเรื่องร้องเรียนจากตำรวจชั้นผู้น้อยถึงกรณีที่นายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี และภรรยา ถูกตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของ “ผู้กำกับโจ้” หรือชุด 05 จับกุมแล้วมาสอบสวนขยายผลที่โรงพัก มีการเรียกเงินผู้ต้องหา 1 ล้านบาท แต่ ผกก.ไม่ยอมจะเรียกเงิน 2 ล้านบาท จากนั้นมีเหตุการณ์เอาถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาเพื่อทรมาน เป็นเหตุให้นายจิระพงศ์ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต แล้วให้ตำรวจชุดปฏิบัติการแจ้งกับแพทย์ว่า ผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาดเป็นเหตุให้เสียชีวิต

ล่าสุดวันนี้ 25 สิงหาคม 2564  นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยพยายามโยงไปถึงเรื่องตั๋วช้าง ทั้งยังอ้างพาดพิงไปถึงเรื่องตำรวจจิตอาสาพระราชทานด้วยว่า

“รีดไถ ซ้อมทรมาน ปกปิดการฆาตกรรม และคนทำคือตำรวจจิตอาสาพระราชทาน ประเด็นที่สั่นสะเทือนสังคมไทยที่สุดประเด็นหนึ่ง ณ เวลานี้ คือการกระทำของตำรวจต่อประชาชน ทั้งผู้ชุมนุมที่ถูกทำร้าย สลายการชุมนุม จนเกิดเป็นวิกฤติศรัทธาต่อวงการตำรวจอย่างหนัก

และนี่ยังผ่านไปเพียงครึ่งปี ที่ผมได้ทำการอภิปรายกรณี #ตั๋วช้าง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในวงการตำรวจมีการใช้เส้นสาย ระบบตั๋ว และเครือข่าย ผ่านตำรวจที่ใกล้ชิดกับวัง ใช้โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน อ้างความใกล้ชิดเบื้องสูง ทำการสร้างเครือข่ายที่ไม่มีใครกล้าตรวจสอบด้วยเครื่องแบบของ “คนดีผู้ใกล้ชิด”

ผลที่ตามมาหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ไม่มีการพยายามชี้แจงต่อสังคม แก้ปัญหาระบบตั๋ว หรือจัดการอะไรทั้งสิ้น ทำราวกับว่าสิ่งที่ประชาชนรู้กันไปทั่วแล้วนี้ไม่อยู่ในสารบบความคิดหรือสนใจของตำรวจที่ “เส้นใหญ่” จนไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบอะไรต่อ

จนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร จังหวัดนครสวรรค์ ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการรีดไถและซ้อมผู้ต้องหาที่จับกุมได้จนเสียชีวิต หลักจากมีความพยายามไถเงิน 2 ล้านบาท ใช้ถุงคลุมศีรษะจนผู้ต้องหาขาดใจตาย แล้วไปพยายามปิดปากครอบครัวผู้เสียชีวิต สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.ลบวีดีโอกล้องวงจรปิด แล้วมาอ้างต่อสาธารณะว่าผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาด

จนสุดท้าย ผมก็ได้เห็นคลิปวีดีโอสองชิ้นที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนว่า ผู้กำกับคนดี ผู้อยู่ในเครือข่ายจิตอาสาพระราชทาน ที่อ้างตัวว่าสนิทสนมกับ พลตำรวจโท ต. ผู้กว้างขวางแห่งวงการตำรวจที่ผมเอ่ยถึงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมา มีพฤติกรรมโหดเหี้ยมผิดมนุษย์  ซ้อมฆ่าคนและอำพรางคดีหน้าตาเฉย ราวกับว่าชีวิตคนเป็นผักปลา

นี่หรือครับคนดี? นี่หรือครับคนที่จบหลักสูตรประจำของจิตอาสาพระราชทาน? นี่หรือครับผลผลิตของระบบที่ผมเคยพูดถึงไป? การเป็นตำรวจสวมผ้าพันคอจิตอาสานี่มันยิ่งใหญ่กันขนาดนี้เลยหรือ? สุดท้ายแล้วคนพวกนี้นี่แหละครับที่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือใช้งานเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่เคยสนใจว่าประชาชนจะต้องเจออะไรบ้าง

สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจจิตอาสาพระราชทานคนนี้ครับ? สุดท้ายก็แค่ถูกสั่งย้าย จากผลของการฆ่าคนตายและพยายามอำพรางคดี น่าเหลือเชื่อจริงๆนะครับ การเป็นตำรวจที่มีเส้นสายในระบบเครือข่ายอะไรแบบนี้ได้ จะทำอะไรก็คงสะดวกสบายไปหมดจริงๆ

วงการตำรวจเองก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้แล้วครับ รวมไปถึงหัวเรือใหญ่ทั้งพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรที่นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ที่จะจริงจังแค่ไหนกับการดำเนินการต่อกับกรณีที่เกิดขึ้น มิฉะนั้น การปล่อยให้ตำรวจที่อ้างตัวใกล้ชิดเบื้องสูงทำอะไรไปเรื่อยๆแบบนี้ สุดท้ายคงไม่พ้นจะพากันพังหมดทั้งโครงสร้างแน่ๆ”