ฮือฮาโพล แคนดิเดตนายกฯ พท. “บิ๊กบอสแสนสิริ” มาแรงแซง “ลูกเขยทักษิณ”!? 

2430

ฮือฮาโพล แคนดิเดตนายกฯ พท. “บิ๊กบอสแสนสิริ” มาแรงแซง “ลูกเขยทักษิณ”!?

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม 2564) The Politics ได้เผยแพร่ผลสำรวจจากผู้ชมรายการ The Politics กรณีแคนนิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่ดีที่สุด โดยระบุข้อความว่า #เศรษฐาแรงกว่าลูกเขยทักษิณ พร้อมกับเผยแพร่ภาพผลโพลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีคะแนน 65% ในขณะที่ทางด้าน นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีคะแนน 35%

ต่อมาทางด้าน ทวิตเตอร์ของ ข่าวสดได้โพสต์ข้อความว่า ถูกใจใครไหม!! The Politics ทำโพลสอบถามความเห็นประชาชน ถามแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยที่ดีที่สุด ที่1.เศรษฐา ทวีสิน 65 เปอร์เซ็นต์ ที่2.ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ #ยุบสภา #ประยุทธ์

สำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอส แห่งแสนสิริ หนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยถูกเชื่อมโยงเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการถูกเรียกตัวให้ไปรายงานตัวกับคสช.ในช่วงปี 2557 หรือก่อนหน้านั้นในปี 2555 ที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตรได้พาดพิงว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าไปพูดคุยภารกิจลับ ว.5 กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ว่าไปพบปะกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายคน ทั้งที่อยู่ในเวลาราชการ อันเป็นข่าวครึกโครมอื้อฉาวในขณะนั้น

ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายหนึ่งก็คือ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ หรือ “พงศ์” ลูกเขยสุดแฟมิลี่แมนของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทายาทนักธุรกิจส่งออกเสื้อผ้ารายใหญ่ เรียนจบปริญญาตรีจากชิคาโก สหรัฐอเมริกา ก่อนจะมาผูกสายสัมพันธ์รักแนบแน่นกับ พินทองทา ชินวัตร ลูกสาวคนโตของนายทักษิณ เมื่อครั้งไปเรียนปริญญาโทหลักสูตรอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปัจจุบัน นายณัฐพงศ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตาในวงการอสังหาฯ ซึ่งเขาและภรรยาไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย

โดยในช่วงการเลือกตั้งในปี 2562 นายทักษิณ ประกาศข้ามประเทศว่าพรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้งแบบหิมะถล่ม แต่ยังหาหัวหน้าพรรคตัวจริงถือธงนำไม่ได้ ซึ่งมีการคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า หรือจะเป็นคนในครอบครัวชินวัตร จะมารับหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งก็มีกระแสว่า นายณัฐพงศ์ น่าจะได้เป็นว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำกลุ่มคนรุ่นใหม่พัฒนาประเทศ

จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 นายณัฐพงศ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ผมไม่สนใจเล่นการเมือง ตอนนี้ Passion ผมเป็นเรื่องธุรกิจที่กำลังทำ ผมถนัดทางนี้ ขอลุยทางนี้ Passion ผมคือเรื่องธุรกิจ ผมถนัดทางด้านธุรกิจ ไม่ถนัดการเมือง มันเป็นเรื่องของอนาคต อยากทำตรงนี้ให้ดีที่สุด อนาคตยังไม่ได้คิดครับ

ในขณะที่ทางด้าน นายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความว่า จับตาเพื่อไทยเสนอชื่อใครเป็นนายก?

1.ถ้าลุงโทนี่ยังเป็นลุงโทนี่คนเดิม ก็คงเสนอผู้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดกับคนในครอบครัวเป็นนายกรัฐมนตรี
2.แค่ตำราสอนการบริหารเบื้องต้นเขาก็บอกอยู่แล้วว่า ถ้าเป็นนักบริหารชั้นห่วยแตก ก็จะใช้คนในครอบครัวลูกเมีย
ดีขึ้นมาหน่อยก็ใช้ญาติพี่น้อง ดีขึ้นมาอีกก็ใช้เพื่อนฝูง ดีขึ้นอีกก็ใช้คนทั่วไป ถ้าเป็นนักบริหารชั้นยอดก็ต้องใช้ปราชญ์!!! ลุงโทนี่จะเป็นนักบริหารชั้นไหนก็ให้ดูคนที่ลุงโทนี่ใช้ก็จะรู้!!
3.ถ้าเป็นลุงโทนี่คนเดิม ต่อให้จัดทัพเข้าสมรภูมิเลือกตั้ง ได้เสียงเกิน250เสียง ก็ยากที่คนในบ้านจะได้เป็นนายก
และในกรณีนี้คุณหญิงสุดารัตน์ก็จะกลายเป็นตัวเต็ง!!!
4.ในสมรภูมิเลือกตั้งทั่วประเทศนั้น พื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ชี้ขาดแพ้ชนะ ขณะนี้คุณหญิงสุดารัตน์และคุณพิธาคนรุ่นใหม่ได้รับความนิยมใกล้เคียงกันมาก นอกนั้นห่างไม่เห็นฝุ่น!
5.พรรคที่เคยผิดสัญญากับประชาชนในการเลือกนายกหรือในการขายนโยบายหลอกลวง ประชาชนยังจำมั่นอยู่
และคงจะได้รับบทเรียนอย่างสาสมในการเลือกตั้งครั้งนี้!
6.โดยผลจากวิบากกรรมของโคบ้า ที่ประชาชนสาปแช่งกันทั้ง 10 ทิศ จะประมาทพรรคก้าวไกลไม่ได้เด็ดขาด!
เพราะผู้ประกอบการทั่วประเทศที่ไม่ต้องการ ประกาศฉุกเฉิน ไม่ต้องการ ศบค. ไม่ต้องการล้อกดาว และต้องการให้บ้านเมืองเป็นปกติ และคนรุ่นใหม่หลายล้านคนจะแห่กันระดมกันไปเทคะแนนให้ เพราะต้องการสั่งสอนพวกที่ ทำให้บ้านเมืองฉิบหาย จนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะประชนในท้องถิ่นสุดเอือมระอากับนักเลือกตั้งท้องถิ่นจอมโกงกินทั้งหลาย ก็อาจร่วมด้วยช่วยกันกวาดล้างนักการเมืองขยะ ตกเวทีไปในครั้งนี้