ปูตินคุยมาครง!! ลั่นรัสเซียพร้อมเจรจาถ้าไม่มาก็ลุยต่อ แฉเคียฟละเมิดหยุดยิง ขัดขวางอพยพพลเรือน

991

‘ปูติน’ จ้อผู้นำฝรั่งเศส ลั่นรัสเซียพร้อม ‘เจรจา’ หรือไม่ก็ทำ ‘สงคราม’ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในยูเครน ชี้ ‘เคียฟ’ ระเมิดการหยุดยิงเป็นต้นเหตุอพยพพลเรือนล้มเหลว

วันที่ 7 มี.ค.2565 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย หารือสถานการณ์ในยูเครนระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส

แถลงการณ์จากทำเนียบเครมลิน ระบุว่าปูตินได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการยั่วยุปลุกปั่นของกลุ่มชาวยูเครนหัวรุนแรงบริเวณพื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) โดยมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อวินาศกรรมกลุ่มหนึ่ง และมีการพยายามกล่าวโทษกองทัพรัสเซียสำหรับเหตุการณ์นี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อในเชิงเหยียดหยาม ยังเสริมด้วยว่ามีการปกป้องความปลอดภัยด้านโครงสร้างและด้านนิวเคลียร์ของโรงงานแห่งนี้เป็นอย่างดี

ด้านเอลิเซ ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่ามาครงแสดงความกังวลต่อปูตินเกี่ยวกับความปลอดภัย ความมั่นคง และการพิทักษ์ทางนิวเคลียร์ในยูเครน ขณะรัสเซียกำลังทำปฏิบัติการทางทหาร

เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบเอลีเซเปิดเผยว่า มาครง สังเกตได้ว่า ปูติน “มีความมุ่งมั่นอย่างสูงที่จะบรรลุเป้าหมายต่างๆ” ซึ่งในนั้นยังรวมถึงสิ่งที่ผู้นำรัสเซียเรียกว่าเป็นการขจัดความเป็นนาซี (de-Nazification) และสร้างความเป็นกลาง (neutralization) ให้ยูเครน

ปูติน ยังเรียกร้องให้นานาชาติยอมรับอธิปไตยของรัสเซียเหนือคาบสมุทรไครเมียที่มีการลงประชามติผนวกเข้ารัสเซียเมื่อปี 2014 รวมถึงรับรองเอกราชให้ 2 รัฐอิสระโดเนตสก์และลูฮันสก์ในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งมอสโกว์ได้ให้การรับรองไปแล้ว

สำหรับข้อเสนอโดยผู้อำนวยการทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ (IAEA) ว่าด้วยการจัดการประชุมไตรภาคีระหว่างไอเออีเอ รัสเซีย และยูเครน ในเขตเชอร์โนบิลเพื่อสร้างกลไกรับรองความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ในยูเครน ปูตินระบุว่าแนวคิดนี้อาจเป็นประโยชน์โดยทั่วไป แต่ควรพิจารณาจัดการประชุมเช่นนี้ผ่านการประชุมทางไกลหรือจัดในประเทศที่สาม

ผู้นำประเทศทั้งสองหารือถึงการอพยพพลเรือน โดยปูตินระบุว่ายูเครนยังไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่เจรจาไว้เกี่ยวกับประเด็นด้านมนุษยธรรมอันเร่งด่วน และกระตุ้นมาครงอีกครั้งให้ทำงานอย่างแข็งขันกับทางการยูเครน ด้านการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมี “พวกชาตินิยมยูเครน” ที่พยายามขัดขวางไม่ให้พลเรือนและชาวต่างชาติเดินทางออกจากมารียูปอล และโวลโนวาคาหลังจากที่รัสเซียได้ประกาศหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา

ปูตินระบุว่า“พวกเขายังฉวยโอกาสในช่วงที่เราประกาศพักรบสั่งสมกำลังพลตามฐานที่มั่นต่างๆ” ปูตินยังแจ้งมาครงเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยแสดงความพร้อมที่จะ “เดินหน้าเจรจาต่อไป ภายใต้ข้อแม้ว่ายูเครนจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่รัสเซียแจ้งให้ทราบแล้วอย่างไม่มีเงื่อนไข”

แถลงการณ์ของทำเนียบเครมลินระบุว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือยูเครนควรใช้แนวทางที่จริงจังในการบรรลุข้อตกลงต่างๆ เพราะการทำเช่นนี้สำคัญต่อการยุติความเป็นปรปักษ์ระหว่างกัน ทั้งนี้ ผู้นำประเทศทั้งสองเห็นพ้องว่าจะติดต่อสื่อสารระหว่างกันในหลายระดับต่อไป

การพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้กินเวลา 1 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที โดย มาครง เป็นฝ่ายติดต่อไป และนับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยกัน หลังจากที่รัสเซียเริ่มเปิดปฏิบัติการทางทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา