“พีระพันธุ์” เปิดเบื้องลึก! เข็นพปชร.กลับมาผงาด ไม่ทำพรรคสนองนักการเมือง แต่เพื่อให้ชาติอยู่รอด!
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 7 ตุลาคม 2564 มีรายงานข่าว พล.อ.ประวิตร เตรียมแต่งตั้งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค 2 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง แต่ยังติดที่นายพีระพันธุ์ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้น
ต่อมาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพปชร.นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า มาช่วยงาน และเจ้าตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรค และไม่ได้ถือเป็นการจัดทัพพรรค เพราะงานตนเองเยอะ โดยไม่ได้ให้มาดูด้านใดเป็นพิเศษ ให้ช่วยงานตนเองทุกเรื่อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายพีระพันธุ์ จะเป็นหนึ่งในขุนพลของพรรคหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ทุกคนเป็นขุนพลหมด ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ ที่ให้ตำแหน่ง ก็ไม่ถือเป็นการปลอบใจ จะปลอบใจเรื่องอะไร มาเป็นที่ปรึกษามาช่วยงาน งานตนเองเยอะไปหมด โดยจะต้องแบ่งการทำงานหรือไม่นั้น ก็ไม่ต้องดู เพราะดูทุกเรื่องกับของตน
ล่าสุดทางด้านนายพีระพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ ประชาชาติธุรกิจ ถึงภารกิจใหม่และปักหมุดหมายทางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อถามว่า บทบาทในพรรคพลังประชารัฐคืออะไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ให้ช่วยดูทุกเรื่อง สำหรับกรณีของเป้าหมายเพื่อดึงกระแสของพรรคพลังประชารัฐให้กลับขึ้นมาอีกครั้งนั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เป้าหมาย คือ ต้องสร้างพรรคพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันทางการเมืองและเป็นพรรคหลักของประเทศต่อไปในการค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน “เราไม่ไปเปรียบเทียบกับใคร (พรรคประชาธิปัตย์) แต่จะต้องทำให้เป็นสถาบันหลักทางการเมืองให้ได้ เป็นสถานบันหลักในการค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน”
เมื่อถามว่า จะให้เวลากับตัวเองนานขนาดไหน นายพีระพันธุ์ ตอบว่า ผูกมัดไม่ได้ ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ แต่จะพยายามทำให้ได้ ซึ่งผมเชื่อว่า เป็นเป้าหมายและเจตนารมณ์ของทั้ง 3 คน (พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์) ที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง และเชื่อว่า นี่คือ แนวทางและความคิดของท่าน ท่านไม่ได้ต้องการตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเป็นฐานอำนาจ ท่านไม่ได้การอำนาจทางการเมือง ท่านไม่ได้ต้องการตั้งมาเพื่อเป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่เพราะท่านต้องทำงานเพื่อบ้านเมืองและต้องการให้พลังประชารัฐเป็นพรรคที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้กับบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อตัวท่าน แต่เพื่อบ้านเมืองและประชาชน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 พรรคพลังประชารัฐ จัดประชุม ส.ส.ประจำสัปดาห์ และยังใช้ชั้น 6 รัฐสภาเป็นสถานที่จัดการประชุม โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และ เลขาธิการพรรค นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค , นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค , นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ร่วมในการประชุม โดยมีวาระสำคัญพิจารณาถึงความชัดเจนแนวทางการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่าพรรคจะวางแนวทางในการส่งผู้สมัครอย่างไร ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังได้กำชับเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น ขอให้ ส.ส.ระวังในข้อกฎหมายต่างๆ อย่าไปช่วยในการหาเสียง หรือใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่จะสุ่มเสี่ยงมีความผิดได้ ส่วนแนวทางการส่งผู้สมัครให้เป็นเรื่องของท้องถิ่นไปคัดสรรและพิจารณา ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคยังยืนยันที่จะไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรค
ร.อ.ธรรมนัส ยังย้ำว่า ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมเลือกตั้ง เพราะเวลารัฐบาลอยู่อีกไม่นาน ต้องเอาความจริงมาพูดกัน พรรคพลังประชารัฐตอนนี้ถือว่าตกต่ำ คะแนนเสียงเราไม่ดี โดยเฉพาะเทียบกับเมื่อ 5 เดือนก่อน ที่กระแสพรรคดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเราไม่กระตือรือร้น ไม่ลงพื้นที่ และในช่วงนี้รัฐบาลเจอวิกฤติ พรรครัฐบาลก็ย่ำแย่ไปตามกัน ถ้าเรายังทำอยู่เท่านี้ แล้วไปสำรวจคะแนนความนิยมชมชอบเราอาจจะอยู่รั้งท้าย หรืออาจจะแพ้พรรคก้าวไกลก็ได้ และเราไม่รู้นายกรัฐมนตรีจะกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่ ดังนั้น ให้ทุกคนทุ่มเท ทำการบ้านให้มากยิ่งขึ้น อย่าประมาท ทั้งนี้ มี ส.ส.บางคน แสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้ง ว่า นโยบายของพรรคแทบไม่มีอะไรที่จะนำไปเป็นผลงานในการหาเสียงได้เลย