สหรัฐส่อเบี้ยวหนี้?!?ครั้งแรกประวัติศาสตร์ เส้นตายจ่ายไม่ทัน จับตายุสมุนก่อสงครามล้างไพ่??

1906

มหาอำนาจสหรัฐ ที่มีภาพพจน์ว่าร่ำรวยที่สุดทันสมัยที่สุดในโลก วันนี้เปิดเผยความจริงปิดไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ถาโถมใส่รัฐบาลปธน.โจ ไบเดน ทั้งภาระหนี้ท่วมที่สะสมมาจากอดีตและดูเหมือนว่าจะไม่มีวันใช้หมด เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด พันธบัตรรัฐบาลขายไม่ออก หลายประเทศที่สหรัฐหมายหัวให้เป็นศัตรูอย่างรัสเซีย-จีน เทพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่อง ประเทศอื่นที่สหรัฐคว่ำบาตรก็ต้องหันไปพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับฝั่งรัสเซีย และจีนมากขึ้น การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ที่เคยผูกขาดด้วยดอลลาร์สหรัฐก็มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่เงินสกุลอื่นๆเช่นหยวน รูเบิลและเงินตราท้องถิ่นมากขึ้น

มาดูเหตุผลที่ทำไมประเทศที่พิมพ์เงินออกมาได้โดยไม่มีทองคำค้ำประกันอย่างสหรัฐจึงจนแต้มถึงกับถังแตกและส่อเบี้ยวหนี้??

ประการแรก: หนี้สินล้นพ้นตัวไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจ่ายหมด

รัฐบาลสหรัฐฯกู้เงินไปแล้ว 100 ล้านล้านบาทจนเต็มเพดานเงินกู้ กลายเป็นประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว กว่า 940 ล้านล้านบาท โดยความเป็นจริงเหมือนเป็นประเทศล้มละลายหมดปัญญาใช้หนี้เงินต้นไปแล้ว แต่รัฐบาลสหรัฐต้องการขยายเพดานเงินกู้เพิ่มอีกให้เกิน 1,000 ล้านล้านบาท และต้องขยายเพิ่มอีกเรื่อยๆ เมื่อถังแตก วนไปมาอยู่อย่างนี้ ตรงกันข้ามกับภาพพจน์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งGDP สูง ทำให้ตลาดหุ้นเบาใจ พากันดีใจเป็นพักๆ พอตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด จึงเริ่มวิตกหนักขึ้น

ประการที่สอง:พันธบัตรสหรัฐขายไม่ออก นักลงทุนต่างชาติต่างพากันเทขาย ที่แสบสุดคือรายใหญ่อย่าง รัสเซีย-ปธน.ปูตินสั่งเทพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐเกลี้ยงคลังตั้งแต่ไตรมาส2 เมื่อสหรัฐโดยปธน.ไบเดน กล่าวหาว่ารัสเซียคุกคาม แทรกแซงเลือกตั้ง โจมตีไซเบอร์คุกคามความมั่นคงและอื่นๆ กล่าวหาอย่างไม่มีหลักฐานว่ารัฐบาลปูตินวางยาพิษผู้นำฝ่ายค้านซึ่งสนับสนุนโดยสหรัฐฯ และล่าสุดต้องถูกจับกุมคุมขังฐานทำผิดกฎหมายอาญาด้านการฟอกเงิน

ด้านปธน.สี จิ้นผิงแห่งจีน เปิดท่าทียินดีปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐ เพื่อลดความตึงเครียดทั้งด้านเศรษฐกิจ-การทหารของทั้งสองมหาอำนาจและประชาคมโลกด้วย ซึ่งปธน.โจ ไบเดน ก็แสดงท่าทีเหมือนกับว่า ต้องการฟื้นความสัมพันธ์และยืนยันในเวทีสหประชาชาติว่า สหรัฐไม่ต้องการสงครามเย็นรอบใหม่ แต่ในความเป็นจริงยังคงจัดตั้งกลุ่มต่อต้านจีนทั้งทางการทหาร การทูตอย่างต่อเนื่อง ประกาศต่อต้านอิทธิพลจีนทุกภูมิภาค ปัจจุบันเน้นมาที่เอเชีย-แปซิก ตามยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ปักหมุดทะเลจีนใต้อย่างออกนอกหน้า มีทั้งจตุรมิตรควอท (QUAD) มีญี่ปุ่นเป็นแกนนำหลัก และไตรภาคีออคัส (AUKUS) มีออสเตรเลียเป็นแกนนำหลัก รู้เห็นกันทั้งโลก  ก่อแรงกระเพื่อมในอาเซียนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยกังวลเรื่องการปรากฎของเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ที่ขัดต่อสนธิสัญาเขตปลอดนิวเคลียร์ของอาเซียนอย่างชัดเจน

สถานการณ์ตึงเครียดที่สหรัฐก่อขึ้นส่งผลต่อความวิตกกังวลของนักลงทุนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ทำให้ความนิยมในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐตกต่ำลง หันไปถือครองของจีนกันมากขึ้น

ประการที่สาม: เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศย่ำแย่ ในขณะที่เส้นตายชำระหนี้ 18 ต.ค.2564 ใกล้เข้ามา การเมืองร้อนภายในระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันระอุเดือด แม้จะยอมผ่อนปรนอนุมัติงบฯฉุกเฉิน 2 เดือนรอดไม่ต้องชัตดาวน์ แต่ยังไม่ยอมอนุมัติเพิ่มเพดานหนี้เพื่อจะได้กู้เพิ่ม โดยออกเป็นพันธบัตรไปขายให้นักลงทุนหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาซื้อไว้ เพื่อมาอุ้มรัฐบาลสหรัฐต่อ

ทั้งนางเจเน็ต เยลเล็น รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนเครียดถึงขนาดว่า ผิดนัดชำระหนี้เสียเครดิตและเศรษฐกิจหายนะ นักธุรกิจ-ซีอีโอ 200 บริษัททำบันทึกถึงสภาคองเกรสเตือนหนักว่า ถ้าไม่ยอมเพิ่มเพดานหนี้ เครดิตสหรัฐเสียครั้งนี้จะส่งผลต้นทุนการเงินและการผลิตสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูง เกิดคลื่นเศรษฐกิจถึงขนาดสึนามิได้

ประการที่สี่: สถานการณ์เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด แม้จะปรับตัวเลขราคาผู้บริโภคหรือ CPI ที่เรียกเต็มๆกันว่า Consumer Price Index ให้ดูดีก็ยังปิดไว้ไม่อยู่ว่า วันนี้เงินเฟ้อสหรัฐนับรายปีสูงถึง 5.4% และมีแนวโน้มที่จะฉุดไม่อยู่ ในขณะที่เฟดบอกว่า เงินเฟ้อที่เหมาะสมคือ 2% แม้ประธานเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย และยังไม่ยกเลิกการอุ้มซื้อพันธบัตรสหรัฐ แต่ลดจำนวนการถือครองลงต่อเนื่อง

แค่นี้นักลงทุนทั่วโลกก็อกสั่นขวัญหายกันไม่เลิก พาให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งและอ่อนไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐที่ดำรงอยู่ได้ด้วยตลาดหุ้นซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับบนล้วนๆ โดยภาคเศรษฐกิจและการผลิตจริงยังเดี้ยงอยู่ ทั้งปัญหาการระบาดโควิด-19 ที่ยังสาหัส ปัญหาถังแตกแก้ไม่ทันเพราะความขัดแย้งทางการเมือง อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อบทเรียนในอดีตก่อนเกิดสงครามมักเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศมหาอำนาจมาก่อนเสมอ

จับตาสงครามล้างหนี้ จะเกิดขึ้นหรือไม่ ใครจะก่อหวอด และพื้นที่ไหนจะเป็นจุดวาบไฟสงครามพื้นที่ที่อาจลุกลามเป็นสงครามใหญ่ แม้ไม่มีใครอยากให้เกิด??