เมื่อวัน 28 ก.ย.2564 สนข.Reuters รายงาน อ้างถ้อยแถลงของนายราฟาเอล กรอซซี (Rafael Grossi) ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) แสดงความเห็นกรณีสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจะสนับสนุนออสเตรเลียในการจัดหาเทคโนโลยีผลิตเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อย่างน้อย 8 ลำ ภายในระยะเวลา 18 เดือน ภายใต้กรอบกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคง 3 ฝ่าย ระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ (AUKUS)
ความร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลให้ออสเตรเลียเป็นสมาชิกของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty – NPT) รายแรกที่มีเรือดำน้ำ นอกเหนือจากกลุ่มชาติมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ 5 ประเทศ (สหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร)
พร้อมกันนี้ ผอ.IAEA ห่วงกังวลว่าข้อกำหนดให้สมาชิกของ NPT ขอยกเว้นการเข้าตรวจสอบวัตถุนิวเคลียร์จาก IAEA ได้หากวัตถุนิวเคลียร์นั้นใช้สำหรับเป็นเชื้อเพลิงเรือดำน้ำ อาจเอื้อต่อการหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบ โดย IAEA จำเป็นต้องหารือกับกลุ่ม AUKUS ต่อไปเพื่อสร้างหลักประกันด้านการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ด้านจีนมองว่ากลุ่ม AUKUS จะเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาค โดยนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรมต.กระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้แทนจากมาเลเซียและบรูไนว่า กรอบกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงไตรภาคี AUKUS ซึ่งจัดตั้งโดยสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย จะเพิ่มความเสี่ยงในการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ การแพร่ขยายเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปสู่ประเทศต่าง ๆ ก่อให้เกิดภัยคุกคาม และบ่อนทำลายแนวคิดเขตปลอดนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชีย ตอ.ต. ที่จีนและประเทศในภูมิภาคพยายามร่วมกันทำให้สำเร็จ
นอกจากนี้ ขณะที่หวัง อี้เข้าร่วมเป็นประธานร่วมการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงของจีน-สหภาพยุโรป กับ Josep Borrell ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงได้แสดงความเห็นว่า AUKUS เป็นความพยายามของสหรัฐที่ต้องการสร้างกลไกเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งขัดต่อกระแสสังคมโลกยุคใหม่ จึงควรได้รับการเตือนและต่อต้านจากประเทศในภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศ
ประการแรก มีอันตรายจากการฟื้นคืนชีพของสงครามเย็น ทั้งสามประเทศซึ่งวาดเส้นตามอุดมการณ์ ได้สร้างกลุ่มทหารใหม่ที่จะเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ประชาคมระหว่างประเทศปฏิเสธสงครามเย็นและการแบ่งแยก แต่สหรัฐฯ ละเมิดคำกล่าวอ้างทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่มีส่วนร่วมในสงครามเย็นครั้งใหม่ใดๆ และร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อสร้าง “กลุ่ม” เล็กๆ ของแองโกล-แซกซอน ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์เหนือกว่านานาชาติ ความสามัคคี
ประการที่สอง มีอันตรายจากการแข่งขันทางอาวุธ การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะกระตุ้นประเทศในภูมิภาคให้เร่งพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร และแม้กระทั่งพยายามทำลายเกณฑ์นิวเคลียร์และเพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้งทางทหาร ด้านหนึ่ง สหรัฐฯ คว่ำบาตรและปราบปรามบางประเทศเพื่อกดดันให้ไม่พัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง การถ่ายโอนเทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างโจ่งแจ้งไปยังรัฐที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ นี่เป็นมาตรฐานสองมาตรฐานทั่วไป
ประการที่สาม มีอันตรายจากการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ ในนามของการสร้างเรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ การจัดหาวัสดุนิวเคลียร์ให้กับสถานะที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์จะกีดกันยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูงเกรดอาวุธออกจากการควบคุมดูแลที่จำเป็นและก่อให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายนิวเคลียร์อย่างมหาศาล ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับระบบไม่แพร่ขยายอาวุธ ทำลายสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์แปซิฟิกใต้ และความพยายามของประเทศอาเซียนในการสร้างเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ (NWFZ) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นี่แสดงว่าดูหมิ่นกฎเกณฑ์
ล่าสุด ทางโฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตกังวลว่า AUKUS อาจก่อให้เกิด “การแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์” ในภูมิภาคกระทบความมั่นคงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง