เป็นเรื่องแล้ว! “พี่ศรีฯ” ร้องกลต.สอบ “หมอบุญ” ดีลวัคซีนทิพย์? สงสัยหวังเพิ่มมูลค่าหุ้น หลังพุ่งสูงกว่า 1,500 ล้านบาท!?
จากกรณีที่นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลธนบุรีจะเซ็นสัญญากับตัวแทนในสหรัฐฯ เพื่อสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของ BioNTech ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA ในกลุ่มไฟเซอร์ที่ร่วมกันพัฒนา ซึ่งจะเป็นการนำเข้าผ่านหน่วยงานภาครัฐที่จะมาเป็นตัวกลาง โดยจะระบุรายชื่อในเอกสารการเซ็นสัญญากับตัวแทนขายดังกล่าว โดยสั่งซื้อวัคซีนโควิดจาก BioNTech มีจำนวนทั้งหมด 20 ล้านโดส ซึ่งล็อตแรกที่จะนำเข้ามาในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ ราว 5 ล้านโดส
ซึ่งต่อมาได้รายงานว่า บริษัท BioNTech ของประเทศเยอรมนี ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาซื้อขายวัคซีนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท BioNTech กับ บริษัท ธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อตกลงนำเข้าวัคซีน ต่อต้านโควิด19 กว่า 20 ล้านโดสมายังประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ได้มีการขยับราคาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ราคาหุ้น THG พุ่ง 12.61% หรือเพิ่มขึ้น 3.75 บาท มาที่ 33.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 255.88 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.24 น. โดยมีราคาเปิด 32.25 บาท ราคาสูงสุด 34.50 บาท ราคาต่ำสุด 32.00 บาท
ล่าสุด วันนี้ (20 กรกฎาคม 2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) เพื่อให้ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกรณีการออกมาให้ข่าวของ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เกี่ยวกับดีลการเจรจาจัดหาวัคซีนทางเลือก 20 ล้านโดส ซึ่งอาจเป็น “วัคซีนทิพย์” เพื่อหวังผลสร้างกระแสความนิยมในหุ้นของบริษัทหรือไม่
ทั้งนี้ นพ.บุญออกมาให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง กำลังดำเนินการลงนามจัดซื้อวัคซีน BioNTech ของเยอรมัน ชนิด mRNA เป็นตัวเดียวกับไฟเซอร์ และ Novavax ของอเมริกา ซึ่งสร้างความดีใจและความหวังให้กับคนไทยเป็นจำนวนมากที่หวังจะได้ใช้วัคซีนชนิด mRNA เพื่อนำมาป้องกันเชื้อโควิด-19 โดย นพ.บุญ ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะลงนามจัดซื้อได้ภายในเย็นวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีคำตอบใดๆให้กับสังคม
ในทางกลับกัน สื่อมวลชนหลายแขนงได้รายงานข่าวว่าบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน BioNTech ของเยอรมนี จำนวน 20 ล้านโดส ทำให้ช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ค.64 ราคาหุ้นของธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จากราคา 29.75 บาทพุ่งขึ้นถึง 33.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12.61 % เลยทีเดียว และสื่อต่างประเทศได้รายงานว่าการออกมาให้ข่าวดีลการซื้อวัคซีนดังกล่าวช่วยให้ราคาหุ้นของเครือธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ปดีดตัวขึ้น และมีมูลค่าด้านการตลาดเพิ่มขึ้นราว 1,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่อีเมลอย่างเป็นทางการจากบริษัท Pfizer Deutschland GmbH เรื่องสิทธิ์การจัดจำหน่ายวัคซีน โดยระบุว่า “เรายังคงร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการจัดหาวัคซีน Pfizer-BioNTech COVID-19 ให้ใช้ได้ทั่วประเทศไทย และเรากำลังอยู่ในช่วงปรึกษาหารือกับกรมควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น” ส่วนผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ยืนยันเช่นกันว่า ทางบริษัทมีการเจรจาเรื่องการส่งออกวัคซีนชนิด mRNA กับรัฐบาลไทยเท่านั้น บทสรุปของการดีลเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกของ นพ.บุญ ยังไม่มีใครทราบว่าจะออกมาทางใด แต่ที่แน่ๆ การออกมาให้ข่าวอย่างต่อเนื่องดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่าเป็นการสร้างกระแสความนิยมในหุ้นของบริษัทในเครือของตนหรือไม่ ทั้งที่กฎหมายห้ามมิให้บุคคลใดบอกกล่าวเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งมีโทษหนักทั้งทางอาญาและหรือทางแพ่ง คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 1 ล้านถึง 5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ม.240 ม.242 ม.243 ประกอบ ม.296 วรรคสอง แห่ง พรบ.ตลาดหลักทรัพย์ 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อ กลต.เพื่อขอให้ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหากพบว่ามีการละเมิดกฎหมายของ กลต.เพื่อหวังผลการเพิ่มมูลค่าหุ้นของตนในตลาดหลักทรัพย์ บนความคาดหวังลมๆแล้งๆของคนไทยหรือไม่ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด