จากที่“ตรีนุช” ได้เข้ารับพระราชทาน หนังสือประวัติศาสตร์ 4 เล่ม หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมน้อมนำเผยแพร่สู่การสอนประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กและเยาวชนั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ณ ห้องดำรงราชานุภาพ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการเข้าพิธีรับพระราชทานหนังสือ หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน หนังสือประวัติศาสตร์ให้ตน จำนวน 4 เล่ม ประกอบด้วย
1.เอกสาร “ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น (Local History HI5921)” โดย พลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
2.หนังสือ “สายธารแห่งประวัติวิทยา ” (รวมบทพระราชนิพนธ์คำสอน ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ใน พลเอกหญิง ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี)
- หนังสือ “จากแฟ้มเอกสารลับที่สุด” (เผยข้อมูลใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐอเมริกา NARA) โดยพันเอก ดร.สรศักดิ์ งามขจรกุลกิจ
และ 4.หนังสือ “เรื่องเล่าจากทหารวิชาการอาวุโส” (การค้นคว้าและอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อสร้างคน สร้างชาติ และสร้างทหารอาชีพ) โดยพันเอก ดร.สรศักดิ์ งามขจรกุลกิจ
อย่างไรก็ตามน.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่าตนจะน้อมนำหนังสือประวัติศาสตร์ทั้ง 4 เล่ม ไปเป็นแนวทางสู่การพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กและเยาวชนต่อไป
ขณะที่เฟซบุ๊ก ตรีนุช เทียนทอง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงกรณีดังกล่าวไว้บางช่วงด้วยว่า
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นเจ้าฟ้านักการศึกษา และทรงมุ่งมั่นอุตสาหะในการศึกษาสิ่งที่พระองค์มีความสนพระทัยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านประวัติศาสตร์ ทรงเป็น “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ของนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แก่ลูกศิษย์ทุกคนอย่างเต็มกำลังพระราชหฤทัย
นับเป็นพระกรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ดิฉันและกระทรวงศึกษาธิการอย่างหาที่สุดมิได้ ดิฉันจะน้อมนำพระกรุณาธิคุณและความรู้ที่ได้รับจากหนังสือประวัติศาสตร์พระราชทานชุดนี้ มาร่วมเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กและเยาวชนต่อไป
ด้านเฟซบุ๊ก เรารักกรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ Our Beloved HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn ก็ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงพระราชกรณียกิจของกรมสมเด็จพระเทพฯ เกี่ยวกับเยาวชนไทย ไว้ด้วยว่า
” เพื่อสุขภาพนักเรียนไทยจักไพบูลย์ ควรเพิ่มพูนสวนเกษตรเพื่ออาหาร เยาวชนได้เรียนรู้และทำงาน ได้คุณค่าโภชนาการอันทรงคุณ”
(พระราชดำรัส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เกี่ยวกับโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน)
ทรงตระหนักดีว่าเด็กและเยาวชนเป็นพลังสำคัญของประเทศในอนาคตและเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด หากขาดอาหาร เจ็บป่วยหรือขาดการศึกษา จะทำให้ไม่สามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพรวมถึงไม่สามารถเป็นที่พึ่งแก่ครอบครัวชุมชนและประเทศชาติได้ เพื่อแก้ปัญหาการขาดอาหารในเด็กวัยเรียนและเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ ทรงริเริ่มงานพัฒนาของพระองค์ขึ้นในปีพ.ศ.2523
โดยทรงทดลองทำโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน 3 แห่งใน จ.กาญจนบุรี ราชบุรีและ ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนทรงขยายผลไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนทั่วประเทศ ตลอดเวลากว่า 40 ปี ที่ทรงงานด้านโภชนาการและสุขภาพของเด็กและเยาวชน ทรงมุ่งเน้นให้คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาฯ