เอฟบีไอเปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันครบรอบ 20 ปีที่อัลกออิดะห์โจมตีสหรัฐคร่าชีวิตคนเกือบ 3,000 คน เผยความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียกับผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินล้วนเป็นคนซาอุดิอาระเบียที่ขอสัญชาติอเมริกัน แต่ไม่ได้สรุปชี้ชัดว่ารัฐบาลซาอุฯ เกี่ยวข้องโดยตรงเพราะไม่ปรากฏหลักฐาน ขณะที่รัฐบาลริยาดประกาศ ขอให้เปิดเผยเอกสารทั้งหมดไม่ใช่เปิดเฉพาะบางประเด็นและข่มขู่ว่าอีก 6 เดือนจะเปิดทั้งหมด
จับตาพฤติกรรมน่าสงสัยของสหรัฐฯที่ชักเข้าชักออกเหมือนกรณีแพร่ข่าว รัชทายาทซาอุฯเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนักข่าวสายนิยมตะวันตก แต่เงียบกริบพอซาอุฯสั่งซื้ออาวุธมหาศาล กรณีนี้ ถ้ามีหลักฐานมัดแน่นก็น่าจะแฉมาเลย ทำทีเหมือนวาระแอบแฝงต้องการอะไรจากซาอุฯ??
ตลอดสัปดาห์และในวันรำลึกเหตุการณ์เขย่าประวัติศาสตร์โลก ถล่มตึกแฝดเวิร์ลเทรด บรรดาญาติเหยื่อ 9/11 เรียกร้องว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่ควรมาร่วมพิธีรำลึกวันครบรอบเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กันยายน ถ้ารัฐบาลของเขาไม่เปิดเผยเอกสารลับผลการสอบสวน ที่พวกเขามั่นใจว่าจะแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบียสนับสนุนแผนการนี้ รัฐบาลสหรัฐ 3 ชุดที่ผ่านมาปฏิเสธยกเลิกชั้นความลับของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย
รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์กล่าวว่า บันทึกความยาว 16 หน้ากระดาษซึ่งลงวันที่ 4 เมษายน 2559 และเป็นเอกสารลับที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อนจนกระทั่งบัดนี้ แสดงให้เห็นว่ามีการติดต่อกันระหว่างโอมาร์ บายูมี นักศึกษาชาวซาอุดีอาระเบียที่สงสัยว่าเป็นสายลับของซาอุฯ กับสมาชิกเครือข่ายอัลกออิดะห์ 2 คนที่ร่วมอยู่ในแผนการจี้เครื่องบิน 4 ลำพุ่งชนเป้าหมายในนิวยอร์กและวอชิงตันวันนั้น
บันทึกการสอบสวนของสำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) อ้างอิงจากการสอบถามแหล่งข่าวที่ถูกปิดเป็นความลับรายหนึ่งเมื่อปี 2551 และ 2558 โดยเผยรายละเอียดการติดต่อและการพบปะกันระหว่างบายูมีกับนาวาฟ อัลฮัซมี และคาลิด อัล มิดฮาร์ สองผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบิน หลังจากทั้งคู่เดินทางมาถึงแคลิฟอร์เนียใต้เมื่อปี 2544 ก่อนหน้าการโจมตี
นอกจากนี้ เอกสารของเอฟบีไอฉบับนี้ยังสนับสนุนข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่างผู้ก่อการร้ายทั้งสองกับฟาฮัด อัลทูไมรี อิหม่ามหัวอนุรักษนิยมแห่งมัสยิดคิงฟาฮัดในนครลอสแองเจลีส และเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลซาอุฯ คนหนึ่งที่นั่น
เอกสารนี้เผยว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งข่าวรายนี้บ่งชี้ถึงการติดต่อระหว่างผู้คนจำนวนหนึ่งที่ช่วยเหลือฮัมซีและมิดฮาร์ช่วงที่เขาอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ในจำนวนนี้รวมถึงบายูมี, ทูไมรี และแหล่งข่าวรายนี้
คำให้การของแหล่งข่าวรายนี้ต่อเอฟบีไอเผยอีกว่า บายูมี ซึ่งนอกจากสถานะอย่างเป็นทางการที่ระบุว่าเป็นนักศึกษาแล้ว เขายังมี “สถานะสูงมาก” ในสถานกงสุลซาอุฯ “สิ่งที่บายูมีช่วยเหลือฮัมซีและมิดฮารวมถึงด้านการแปลภาษา, การเดินทาง, ที่พักและการเงิน” บันทึกระบุ และยังกล่าวด้วยว่า ภรรยาของแหล่งข่าวรายนี้บอกกับเอฟบีไอว่า บายูมีพูดถึง “ญิฮาด” บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ บันทึกยังเผยว่ามีความเชื่อมโยงกันทั้งการพบปะ, โทรศัพท์และการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างผู้ก่อการร้าย 2 คนนี้ กับอันวาร์ อัลอาลากี ครูสอนศาสนาที่เกิดในสหรัฐ ที่กลายเป็นแกนนำสำคัญคนหนึ่งของอัลกออิดะห์ เขาถูกสหรัฐส่งโดรนโจมตีปลิดชีพที่เยเมนเมื่อปี 2544 เนื้อหาบางช่วงบางตอนในเอกสารฉบับนี้ถูกปิดบังไว้และไม่ได้ให้ความเชื่อมโยงโดยตรงที่ชัดเจนระหว่างรัฐบาลซาอุฯ กับผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบิน ซึ่ง 15 คน จาก 19 คนที่ก่อเหตุเป็นชาวซาอุฯ
รัฐบาลซาอุฯ ยืนกรานมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีสหรัฐ สถานทูตซาอุฯ ในกรุงวอชิงตันได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 กันยายน ก่อนหน้าวันครบรอบวินาศกรรมว่า ซาอุฯ สนับสนุนความโปร่งใสและยินดีที่สหรัฐจะเปิดเผยเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี และย้ำขอให้เปิดเอกสารทั้งหมด
สถานทูตซาอุดิอาระเบียในสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “การจัดประเภทเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี 11 กันยายน มีเพียงการยืนยันการค้นพบของคณะกรรมาธิการ 9/11 ว่ามีคนซาอุฯที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้าย แต่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรงนี้แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและมุ่งร้ายยังคงมีอยู่”
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตประมาณ 2,500 คน กับผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 20,000 คน รวมถึงธุรกิจที่ได้รับความเสียหายและบริษัทประกันภัยหลายแห่ง ยื่นฟ้องรัฐบาลซาอุฯ เรียกเงินหลายพันล้านดอลลาร์
จิม ไครนด์เลอร์ หนึ่งในแกนนำที่ยื่นฟ้องซาอุฯ กล่าวว่า เอกสารนี้ยิ่งสนับสนุนข้อโต้แย้งสำคัญของคำฟ้องที่ว่ารัฐบาลซาอุฯ ช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินเหล่านี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตยังหวังว่าจะมีหลักฐานที่หนักแน่นเพิ่มขึ้น เมื่อเอกสารลับจะได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมอีกภายใน 6 เดือนข้างหน้า ตามคำสั่งของประธานาธิบดีไบเดน