ล้วงเงิน”กองทุนราษฎรฯ” หลายล้าน ประกันผู้ชุมนุมโดนจับเกือบพัน-จยย.โดนยึดเกือบ100!
จากกรณีที่วันนี้ (9 กันยายน 2564) ทางเพจ กองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ข้อความกรณีการใช้เงินในกองทุนเพื่อประกันผู้ต้องหา โดยระบุข้อความว่า
ต่อมาก็ได้มีรายงานว่า การประมูลผลงานของนายธนาธร ซึ่งเริ่มต้นที่ราคา 2,475 บาท ได้สิ้นสุดการประมูลแล้ว เสนอราคาที่ 652,475 บาท โดยมีการบิดบังรายชื่อของผู้ประมูล
อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจยึดรถของกลางทั้งสิ้น จำนวน 202 คัน ตรวจสอบดำเนินคดีแล้ว 145 คัน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 56 คัน และในส่วนของการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ห้วงที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวม 179 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 684 คน สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 427 คน
ซึ่งในการใช้เงินประกันตัวผู้ต้องหาในแต่ละรายนั้น ก็จะมีวงเงินประกันที่แตกต่างกันออกไป ตามคดีที่แต่ละคนโดน ซึ่งขณะนี้มีผู้ชุมนุมที่ถูกจำกุมเป็นจำนวนมาก ในขณะที่เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ มีเหลืออยู่ประมาณ 2.7 ล้านบาท ซึ่งถ้าจะต้องใช้ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีรถจักรยานยนต์ที่ถูกยึดไปอีกที่ต้องใช้เงินเพื่อนำรถออกมาอีกกว่า 200 คัน
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ชื่อบัญชีที่ใช้ในการรับบริจาคนั้นคือชื่อ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และน.ส.ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา โดยการเปิดรับบริจาคของคณะราษฎร กองทุนราษฎรประสงค์ได้ปิดบัญชีเดิมลงแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา (บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อชลิตา บัณฑุวงศ์ และ/หรือไอดา อรุณวงศ์) ซึ่งเคยเปิดมาตั้งแต่ปี 2561 และเปิดบัญชีใหม่ขึ้นแทนในวันเดียวกัน ซึ่งบัญชีดังกล่าว มีไว้ใช้สำหรับการระดมทุนสาธารณะเพื่อการประกันตัวและเงินค่าปรับในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง
ซึ่งทำให้หลายตั้งข้อสังเกตว่า เงินสนับสนุนในกองทุนราษฎรประสงค์นั้น มาจากนายทุนคนไหน หรือมีท่อน้ำเลี้ยงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา กองทุนราษฎรประสงค์มีการใช้เงินประกันตัวผู้ต้องหานับหลายล้านบาท และยังมีเงินที่ใช้ในการซื้อของเยี่ยมให้กับแกนนำคณะราษฎรที่ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำด้วย
ถ้าลองคำนวณจากจำนวนผู้ชุมนุมที่ถูกคดีเกือบ 1,000 คน หากถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน จะถูกปรับไม่เกิน 40,000 บาท จะใช้เงิน หลายสิบล้านบาท เลยทีเดียว