รัฐบาลต้องจัดการ!?!นักการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐปากพล่อยด้อยค่าวัคซีนจีน ทำลายสัมพันธ์การทูตจุดยึดเป็นกลางของไทย

1589

จากกรณีโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยแพร่จดหมายเปิดผนึกลงเฟซบุ๊ก เรียกร้อง หยุดด้อยค่าวัคซีนจีน ทั้งขอคัดค้านเด็ดขาดและเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้อง ยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรง พร้อม ยืนยันยังยินดีร่วมมือกับไทยต่อสู้กับโควิดต่อไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ไทยมาตั้งแต่การระบาดครั้งแรก และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางการจีนได้จัดส่งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 ชุด รวม 3 ล้านโดสมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จนถึงขณะนี้ จีนได้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศไทยจำนวน 24.55 ล้านโดส  กระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนอคติเผยแพร่ข้อความด้วยค่าวัคซีนจีนอย่างไร้เหตุผล นั้นเป็นความเคลื่อนไหวภาคประชาชนในโซเชียลมิเดีย ที่เป็นผลจากการเสพสื่อเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ส่วนนักการเมืองล่มชาติ และเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน พูดด้อยค่าวัคซีนจีนอย่างเปิดเผยในสภา แพทย์บางคนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ต่างแสดงออกถึงการคลั่งไคล้มหาอำนาจสหรัฐฯ อะไรที่สหรัฐทำและมีต้องดีทีสุดในโลก ซึ่งนั่นก็เป็นสิทธิ์ที่จะเชื่อ แต่ต้องไม่มีสิทธิ์วิพากษ์ด้อยค่าวัคซีนจากมิตรแท้อย่างจีน

ที่ทำให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ต้องออกมาเรียกร้องหยุดด้อยค่าวัคซีนจีนโดยไร้เหตุผล ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์ ชี้เป็นการทำร้ายความหวังดีที่มีต่อไทย พร้อมย้ำว่าวัคซีนจีนใช้ได้ผลดีกับไวรัสกลายพันธุ์

หน้าที่รัฐบาลต้องเทคแอ็คชั่น ไม่ตกหลุมพราง เกมส์การเมืองเลือกข้างของมหาอำนาจสหรัฐที่กำลังช่วงชิงการนำ และต่อต้านอิทธิพลจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นหน้าที่ต้องจัดการควบคุมคนของรัฐ ทั้งนักการเมืองล่มชาติ และแพทย์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปากพล่อยด้อยค่าสินค้าจีนเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน

อย่าปล่อยลอยนวลทำลายสัมพันธ์การทูตมิตรประเทศที่จริงใจกับไทยมาโดยตลอด และทำลายจุดยืนเป็นกลางของไทยในภูมิภาคอาเซียนเข้าทางสหรัฐฯ

ปรากฎการณ์ด้อยค่าวัคซีนจีน ไม่ใช่แค่กระแสนินทา และเป็นวาระเสี้ยมให้แตกแยก รัฐบาลจะเพิกเฉยไม่ได้อีกต่อไป

กรณีนี้ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.ได้โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อระบุว่า …  เห็นมีบางคน บางเพจบอกว่า การด้อยค่าวัคซีนของบริษัทเอกชน ไม่เห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ …. จากนั้นก็ได้มีการแชร์เพจเฟซบุ๊ก  Chinese Embassy Bangkok ซึ่งเป็นของ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย  ซึ่งมีเนื้อหาใจความว่า….

คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ

โดย โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย

ปีนี้ ประเทศจีน ได้ส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยในโอกาสแรก เพื่อเป็นการสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยได้พยายามเอาชนะกับความยากลำบากที่ความต้องการในการใช้วัคซีนภายในประเทศยังสูงอยู่ และจำนวนวัคซีนที่ผลิตยังไม่เพียงพอ ซึ่งวัคซีนจีนทุกโดสก็เป็นมิตรไมตรีจิตรอันจริงใจที่รัฐบาลและประชาชนจีนมีต่อให้รัฐบาลและประชาชนไทย

วัคซีนที่ฝ่ายจีน ส่งมอบให้ฝ่ายไทยนั้น ได้รับการอนุมัติโดยองค์การอนามัยโลก ให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ และได้ผ่านการวิจัยและทดลองในมนุษย์ในระยะต่างๆ ตามข้อกำหนดของคณะกรรมการอาหารและยาของไทยอย่างเคร่งครัด เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิผลและมีการรับรองคุณภาพ

การกลายพันธุ์ของตัวไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องวิทยศาสตร์ที่บริษัทผลิตวัคซีนของจีนติดตามโดยตลอด บริษัทซิโนแวค ได้ทำการทดสอบแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ระหว่างเซรั่มของผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวคกับไวรัสกลายพันธ์ต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ผลออกมาอย่างดี ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุขของประเทศชิลี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค ในการป้องกันการรักษาที่โรงพยาบาล อาการหนัก และเสียชีวิต ไม่น้อยกว่า 86% ผลการวิจัยของรัฐบาลอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค ในการป้องกันการรักษาที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ถึง 92% และ 95% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสกลายพันธ์เป็นอย่างดี ไม่ใช่วัคซีน “คุณภาพต่ำ” ตามที่กล่าวหาอย่างแน่นอน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บางคนและบางองค์การของประเทศไทย ได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีน โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ซึ่งเป็นการกล่าวหามุ่งร้าย ที่ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง และเป็นการทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีน ในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด สถานทูตจีน จึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้

ฝ่ายจีน ยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยต่อไป โดยยึดมั่นในความจริงใจและความวังดีอย่างมากที่สุด ให้ความช่วยเหลือกับฝ่ายไทยในการต่อสู้กับโรคระบาด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทย จะเอาชนะกับโรคโควิด-19 โดยเร็ว และกลับคืนสู่ภาวะปกติในการดำรงชีวิตและทำงานในเร็ววัน