คนรุ่นใหม่ไร้จุดยืน!? “นิพิฏฐ์” ออกโรงฟาด “ไฮโซลูกนัท” ร่วมม็อบแค่ละครเอาใจ 3 กีบ ลั่นตัวผมภูมิใจ ที่เคยปกป้องบ้านเมือง ไม่เห็นต้องขอโทษใคร

1953

หลังจากที่การชุมนุมคาร์ม็อบ 1 ส.ค. จบลง ได้ปรากฎภาพของ “ไฮโซลูกนัท” นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอดีตผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางมาตามนัด ได้ร่วมขบวน คาร์ม็อบ ทำกิจกรรมชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยถือป้ายพร้อมข้อความ ระบุว่า ‘บริหารโง่ จนสลิ่มกลับใจ’

ซึ่งก่อนหน้านี้ ไฮโซลูกนัท เปิดเผยว่า พบเจอคนในครอบครัวให้ตัดขาด ถ้าไม่ยอมเลิกแตะ ม.112 ทั้งที่เสนอหลักการประนีประนอม ไม่สามารถเปลี่ยนใจคนรุ่นเก่าได้ ขอตัดขาดแยกทางกันจากนี้เป็นต้นไป

ล่าสุดนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมภูมิใจในสิ่งที่ทำและไม่ขอโทษใคร ผมเห็นข่าวบางคนออกมาขอโทษที่เคยชุมนุมกับ กปปส. บางคนไปไกลถึงขนาดถอดเสื้อ กปปส.แล้วมาใส่เสื้อแดง และบางคนไกลไปถึงขนาด ใส่เสื้อที่มีคำว่า”ไพร่” ที่หน้าอก ออกมาชุมร่วมกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”

ที่ผมตกใจ คือ ไฮโซลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ถึงกับยกมือไหว้ขอโทษณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และณัฐวุฒิ รับไหว้พร้อมยิ้มที่มุมปาก ผมอยากเตือนว่า การกระทำของหลายคนในอดีต หากท่านคิดว่า การออกมาคัดค้านการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างการทุจริต เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว มาวันนี้การกระทำที่ถูกต้องของท่านในวันนั้น มันก็ไม่ได้กลายเป็นความผิดขึ้นมาหรอก จะฟูมฟายเสียใจ ยกมือไหว้ณัฐวุฒิ ทำไม?

หากทำเช่นนั้นเท่ากับยอมรับว่า การกระทำของณัฐวุฒิ ในอดีตเป็นสิ่งที่ถูกต้องสิ ถ้าคิดอย่างนั้น ผมจะแนะนำให้ลูกนัท นำพวงหรีด ไปวางที่ศาลฎีกา ที่ตัดสินจำคุกคุณทักษิณ และจำคุกณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสียด้วย การกระทำของลูกนัทจึงจะสมบูรณ์ และลูกนัทสามารถใส่เสื้อแดงและทำกิจกรรมร่วมกับคนเสื้อแดงได้อย่างสนิทใจ

ผมเห็นเด็ก ๆ คนรุ่นใหม่ สับสนกับเหตุการณ์ในอดีตกันเยอะ มองทุกอย่างเป็น”คนละเรื่องเดียวกัน”การชุมนุมในอดีตมันแยกเป็นส่วน ๆ ได้หลายตอน หลายคนก็ชุมนุมในบางเรื่อง แต่ไม่ร่วมชุมนุมในบางเรื่อง ดารา นักร้อง ก็ร่วมชุมนุมเยอะแยะ เพราะเขาแยกส่วน แยกวันเวลา ในการชุมนุมออกจากกัน อย่างผมและพรรคประชาธิปัตย์เราก็ชุมนุมคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ และ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม พอ 2 เรื่องนี้ชนะ เราก็กลับเข้าพรรค แต่มีบางส่วนไปต่อเขาก็ลาออกจากพรรค ตั้งกลุ่มกปปส. ขึ้นมา ก็เป็นเรื่องของเขา ห้ามเขาไม่ได้

ไฮโซ ลูกนัท ผมไม่รู้จักหรอก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ เคยสมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ แต่พอแพ้เลือกตั้งเขาก็ออกจากพรรคไป ผมเข้าใจ และเห็นใจเขา อย่าน้อยใจการกระทำในอดีตเลย แต่จงหันไปดูด้วยความภูมิใจดีกว่า ว่าเรานี่แหละเคยปกป้องบ้านเมือง ผมอยากจะเปรียบเทียบว่าลูกนัทกับผม เราก็เหมือนนักกีฬาวิ่งผลัด 4×100 นั่นแหละ ลูกนัทวิ่งไม้ 1 ผมวิ่งไม้ 2 กปปส. (ไม่ใช่ประชาธิปัตย์นะ) วิ่งไม้ 3 แล้ว กปปส. (ไม่ใช่ประชาธิปัตย์นะ) ส่งไม้ 4 ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พลเอกประยุทธ์ แทนที่จะวิ่งเข้าเส้นชัย กลับหลงมุม วิ่งสวนทางกลับมายังจุดเริ่มต้นใหม่ อันนี้ ไม่ใช่ความผิดของลูกนัทหรอก ลูกนัทวิ่งได้ดีแล้ว เรารับผิดชอบเพียงไม้ 1 และ ไม้ 2 เท่านั้น นอกจากนั้นเกินความคาดหมายของเรา หรือ หากผมจะเปรียบเทียบว่า ไม้ 4 วิ่งเข้าเส้นชัยจริงแต่ปรากฎว่าไปกินยาโด้ปมา ทั้งทีมถูกปรับแพ้ จะมาโทษเราได้อย่างไร เราจะรู้ได้ไงว่าไม้ 4 ไปกินยาโด้ปมา

ผมอยากให้ทุกคนเข้มแข็ง มองทุกอย่างตามความจริงของสถานการณ์ในเวลานั้น นี่ถ้าปรากฎว่า การชุมนุมของกลุ่มณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีคนติดเชื้อโควิด ทำให้มีการระบาดใหญ่ใน กทม. คนบาดเจ็บล้มตายจากการชุมนุม ลูกนัท ไม่ต้องไปยกมือไหว้ขอโทษหมอกับพยาบาลอีกหรือที่เชียร์การชุมนุมของณัฐวัฒิ ถ้าลูกนัท ไม่หนักแน่นพอ ผมว่า ชีวิตลูกนัท ก็ไม่เป็นสุขหรอก วัน ๆ ได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษคนนั้น คนนี้ไม่เป็นอันต้องทำการทำงานอะไรกันพอดี ผมนี่ไม่ขอโทษใครหรอกแต่ผมกลับภูมิใจในการกระทำของผมในอดีตเสียด้วยซ้ำ ใครจะยกมือไหว้ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เชิญตามสบายเถอะ แต่มือผมหนักยกไม่ขึ้นหากจะให้ผมไหว้ ก็คงตัดแขนผมไปทั้ง 2 แขนล่ะ (เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์)”