เพื่อนร่วมรุ่นจุฬาฯ “ลูกสาวบิ๊กตู่” ร่อนจดหมาย “ฝากถึงพ่อ” รับผิดชอบ ลาออกจากนายกฯ

2104

ฝากเพื่อน ไปบอกพ่อ!? เพื่อนร่วมรุ่นจุฬาฯ “ลูกสาวบิ๊กตู่” ร่อนจดหมาย “ฝากถึงพ่อ” รับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ!?

เรียกได้ว่าหลายๆคนกำลังเฝ้ารอหนังสือเปิดผนึก ที่กลุ่มนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ได้ทำการประชุมเพื่อเตรียมส่งจดหมาย ฝากให้ น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยข้อความในจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า

ถึงพลอยเพลิน จำได้ไหมว่า ใต้ถุน เสียงกลองสันฯ ละครคณะ การฝึกงานต่างจังหวัด โซฟาหน้าสตูดิโอเอ็มซี และมิตรภาพ 17 ปี ได้ผูกใจพวกเราไว้ในฐานะ “นิเทศจุฬาฯ รุ่น 40” มากแค่ไหน ความทรงจำและความผูกพันฉันเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำให้การเขียนจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเรา สิ่งที่อยากบอกพลอยเพลินคือ พวกเราพบและประสบความทุกข์ยากมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายรัฐมนตรี ซึ่งเป็น “พ่อของเพื่อน”

ที่ผ่านมาพวกเราพยายามเคารพความเป็นส่วนตัวของพลอยเพลินมาตลอด เพราะเชื่อว่า “นายกฯ” และ “พ่อ” คือบทบาทที่แยกขาดจากกัน แต่วิกฤติโควิด-19 คือเหตุเร่งเร้าให้พวกเราเลือกเส้นทางที่อาจกระทบใจและก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของพลอยเพลิน ด้วยการเขียนจดหมายที่ไม่เคยกล้าเขียนฉบับนี้

พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่า พลอยเพลินรับรู้สถานการณ์บ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน จึงอยากบอกให้รู้ว่าในสายตาของพวกเรา การบริหารงานของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 การสื่อสารของรัฐบาลที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อการวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน และการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า

อันเป็นเหตุให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญกับภาวะวิกฤติ คนป่วยล้นโรงพยาบาล บางคนนอนรอความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านอย่างไร้ความหวัง มีคนนอนตายข้างถนน ผู้คนจำนวนมากบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจ บางคนต้องปิดกิจการ มากมายที่ต้องตกงาน และหลายคนฆ่าตัวตายด้วยความสิ้นหวัง

พวกเราจึงเห็นว่าการบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีส่วนในการพาประเทศไทยไปสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากในเวลานี้

พวกเราจึงเห็นพ้องต้องกันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย พวกเราเชื่อว่าการบริหารงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ของประเทศครั้งนี้ได้

ฟังเสียงของพวกเราได้ไหมพลอยเพลิน เสียงของเพื่อน เสียงของคนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนอย่างไม่มีกำหนด เสียงของพนักงานที่ต้องออกไปทำงาน โดยไม่รู้ว่าจะนำเชื้อกลับมาติดคนที่รักวันไหน เสียงของคนที่ทำงานอิสระที่ต้องขายบ้านขายรถ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว เสียงของลูก ของน้อง ของภรรยา ที่เจ็บปวดเพราะคนในครอบครัวติดโควิด และเสียงของประชาชนที่ไร้หนทาง

ฟังแล้วไตร่ตรองในฐานะของคนที่มองเห็นคุณค่าความเป็นคน ลองยื่น “กำไลหินใจเย็น” เส้นเดิมส่งให้พ่ออีกครั้ง แล้วขอให้พ่อลาออก พวกเราเชื่อมั่นว่าเสียงของพลอยเพลินสำคัญต่อพ่อเสมอ

พร้อมทั้งปิดท้ายด้วยการลงชื่อเพื่อนร่วมรุ่นจำนวน 88 คน