โยงมั่วซั่วไปหมด!? นักบินฮ.ตำรวจ เตรียมฟ้องเละเทะ หลัง “ปวิน” ปล่อยเอกสารปลอม โจมตีทหารไทยบินไปสหรัฐฯ เพื่อฉีดไฟเซอร์!!

2607

สืบเนื่องจากกรณีที่นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ก่อตั้งกลุ่มจาบจ้วงสถาบัน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า มีกลุ่มทหารไทยบินไปสหรัฐอเมริกากับสายการบินโคเรียนแอร์ 109 คน ซื้อตั๋วแพงสุด คาดว่าไปฉีดวัคซีนด้วยเงินภาษีประชาชนนั้น

โดยระบุว่า “เมื่อวันก่อน กลุ่มทหารไทยบินไปอเมริกากับสายการบินโคเรียนแอร์ 109 คน ซื้อตั๋วแพงสุดไม่ต่อไม่โปร ไปกลับ 70,000 บาท ไปกัน 14 วัน ตัวใหญ่ ๆ ตามไปวันถัดมา คาดว่าเดินทางไปฉีดวัคซีนด้วยเงินภาษีประชาชน
…ปลายทางที่เดียวกัน แต่เปลี่ยนเครื่องทั้งบอสตันกับแอทแลนตา โดยตัวใหญ่ที่นำไปเช็คบินบอกห้ามบอกใครค่ะ แต่พอมีคนถามก็ตอบว่าไปโดดร่ม โดยเป็นโครงการที่มีทางอเมริกาสนับสนุน เพราะให้ออกเป็นตั๋วเดลต้าโค้ดแชร์ ไม่ได้ออกตั๋วโคเรียนแอร์

…ราคาแฟร์กว่านี้นี้มีไม่ยอมหาด้วยนะคะ ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องออกตั๋วราคานี้ เป็นราคาแพงสุดในแรงค์ economy บางช่วงแพงกว่า business ค่ะ แล้วแต่ละคน กว่าครึ่งพาสปอร์ตเพิ่งทำเดือนที่แล้วเลยค่ะ ได้ละบินเลย และจะขอโหลดกระเป๋าเพิ่มทุกคนด้วย แต่สายการบินไม่ไห้
…จบข่าว”

อีกหนึ่งตัวอย่างของข้าราชการที่อ้างว่าไปทำงานต่างประเทศ (เพราะใช้หนังสือเดินทางราชการ) แต่ที่แท้คือใช้เงินภาษีของประชาชนไปเพื่อฉีด Pfizer ที่อเมริกา แม้ว่าตัวเองจะฉีด 2 เข็มแล้วจากเมืองไทย ปล: ออกเดินทางจากไทยวันที่ 9 ถึงอเมริกาวันที่ 10 ฉีดยาวันที่ 11 ค่ะ

 

 

ล่าสุดทางด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจง กรณีที่มีการภาพทหารเดินทางที่สนามบิน และถูกนำไปบิดเบือนนั้นว่า กองทัพบกขอแจ้งข้อมูลอีกครั้งเกี่ยวกับการเดินทางไปสหรัฐฯของกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค.64 โดยเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ภายใต้การฝึกร่วมผสมคอบบร้าโกลด์ในปี 2565 พร้อมทั้งมีการกักตัวก่อนไปฝึกในค่ายทหาร และเมื่อไปถึงสหรัฐ ก็ปฏิบัติลักษณะเดียวกันตามระบบ Military Trainning Quarantine ซึ่งกำลังพลทุกนายผ่านการ SWAB test ได้ผลเป็นลบ และได้รับการฉีดวัคซีนที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยสรุปกำลังพลทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกันโควิด -19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามกองทัพบกได้เผยแพร่ข่าวการเดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.2564

 

เมื่อถามถึงกรณี ที่มีการโพสต์ภาพอ้างว่าทหารที่ได้ไปครั้งนี้ ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์นั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพพบว่าเป็นภาพปลอม เพราะหากดูรายละเอียดวันเกิดในการ์ด ถ้าเกิดปี 1963 อายุน่าจะ 58 ปี ซึ่งทหารที่ไปไม่แก่ขนาดนั้น ส่วนทหารที่ไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้า กับซิโนแวค

ส่วนประเด็นเรื่องค่าตั๋วที่แพงและงบประมาณการใช้จ่ายที่โดนโจมตีนั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า งบประมาณการฝึกร่วมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา สำหรับการส่งกำลังพล “กองร้อยส่งทางอากาศ” เข้าร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในระดับกองทัพมิตรประเทศแล้ว ผู้เข้ารับการฝึกยังสามารถนำความรู้ ประสบการณ์มาพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหน่วยส่งทางอากาศกองทัพบก และยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ภายใต้การฝึกร่วมผสมครอบบร้าโกลด์ในปี 2565 อีกด้วย สำหรับกำลังพลกองทัพบกที่เข้าร่วมการฝึกกระโดดร่มที่สหรัฐฯ ในครั้งนี้ มีจำนวน 114 นาย ประกอบด้วย นายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวนนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นปีที่ 5 และ พลทหาร ซึ่งทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกัน COVID-19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pornchai Pengrungruengwong หรือ สารวัตคิว นักบินฮ.ตำรวจ ได้โพสต์ข้อความว่า“ขออนุญาตชี้แจงนะครับ มีบุคคลไม่หวังดี มาโยงผม เอารูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ผมมาราชการเข้าฝึกบิน ฮ. จำลอง ใช้เวลา 7 วัน นะครับ ส่วนเรื่องวัคซีน มันเป็นจังหวะโอกาสที่มาพอดี ผมเดินไปฉีดเองไม่ได้มีใครบังคับ
ปล. กลับประเทศไทย ขอดำเนินคดี พรบ.คอมฯ ทุกคนนะครับ ถ้าไม่ลบ และออกมาขอโทษ ผมแคปหลักฐานไว้หมดแล้ว” สำหรับผู้โพสต์เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ สังกัด กองบินตำรวจ เดินทางไปฝึกในซีมูเลเตอร์เป็นเวลา 7 วัน ที่ สหรัฐฯ เช่นเดียวกัน