“ก้าวไกล”อีกแล้ว! บุกปราศรัย ปฏิรูปกองทัพกลางค่ายทหาร ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารฯ

1233

“ก้าวไกล”อีกแล้ว! บุกปราศรัย ปฏิรูปกองทัพกลางค่ายทหาร ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารฯ

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 18 ม.ค.​ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร​ ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคก้าวไกล เบอร์ 6​ เดินทางไปพบปะประชาชนที่ตลาดปากซอยวิภาวดี 64 เขตหลักสี่ กทม. เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกตั้งโดยนายพิธา ยืนยันพรรคก้าวไกลพร้อมสู้ต่อในเขตหลักสี่ เพื่อผลักดันให้ นายกรุณพล เข้าสภา พร้อมกับบอกว่า ขณะที่ทางค่ายทหารไม่อนุญาตให้พรรคก้าวไกลเข้าไปหาเสียง เนื่องจากมีพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่ขอเข้าไปหาเสียง ยังไม่มีพรรคอื่นขอเข้ามา

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 มกราคม 2565) มีรายงานว่า ที่กรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) เขตจตุจักร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครรับ “เลือกตั้งซ่อม” ส.ส.กทม. เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) ท่ามกลางทหารและครอบครัวที่มาร่วมฟังเป็นจำนวนมากจนเต็มห้องประชุม โดยทั้งหมดร่วมกันพูดถึงนโยบายปฏิรูปกองทัพที่พรรคก้าวไกลพยายามนำเสนอ

โดยนายพิธา กล่าวว่า การที่มีโอกาสได้มาพูดคุยกับกองทัพแบบนี้ถือเป็นเรื่องดี ในการที่ฝ่ายนิติบัญติได้มาทำความรู้จักกับทหาร เพราะหลายท่านอาจไม่รู้จักตน แต่ก็คงเคยได้ยินเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลมาบ้าง แต่ทว่าก็คงไม่ใช่จากปากของพวกเราอย่างวันนี้ ซึ่งตนคิดว่า เรื่องของกำลังพล งบประมาณ ขอบเขตหน้าที่ของทหาร ตลอดจนสวัสดิภาพสวัสดิการของครอบครัวทหารชั้นผู้น้อย หรือเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร เพื่อให้ทหารชั้นผู้น้อยอยู่ได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เราเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้คุยกันได้

เรายืนยันว่าพรรคก้าวไกลเล็งเห็นถึงความสำคัญของภารกิจทหาร การที่ท่านอาจเคยได้ยินว่ากองทัพกับพรรคก้าวไกลนั้นคุยกันไม่ได้ นั่นไม่ใช่เลย พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย ให้เป็นมืออาชีพ การใช้งบประมาณของทหารไม่ไปเบียดเบียนภาษีประชาชน นี่คือสิ่งที่เรามุ่งมั่นตั้งใจจะทำ และเป็นสิ่งที่คุยกันได้ แต่ทว่าสิ่งที่ยอมรับกันไม่ได้ คุยกันไม่ได้เลย นั่นก็คือเมื่อทหารกับประชาธิปไตยไม่อยู่คู่กัน เมื่อทหารเหยียบทับระบอบประชาธิปไตย เช่นในการรัฐประหารซึ่งเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยเกิดขึ้นทุกๆ 6 ปี

“ผมว่าทหารช้้นผู้น้อยเองก็รับไม่ได้เช่นเดียวกับเรา ทหารชั้นผู้น้อยเองก็รับไม่ได้เช่นกันกับการรัฐประหารทุกๆ 6 ปี นั่นเพราะมันทำให้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ ตลอดจนโรคระบาด ฯลฯ ฝ่ายการเมืองไม่อาจทำงานได้ตอบโจทย์เรื่องพวกนี้ได้ ถ้าประชาธิปไตยถอยหลังจากการทำรัฐประหารอยู่เรื่อยๆ ประเทศเราจะพัฒนาไปอย่างยากลำบากมากๆ และสำหรับพรรคก้าวไกล สิ่งที่เราจะทำก็คือการสร้างรัฐสวัสดิการให้กับทหารชั้นผู้น้อย ให้ครอบครัว ให้ลูกเมียมีสวัสดิการที่ดีกว่าที่่เป็นอยู่ โดยงบประมาณจำนวนนี้ก็มาจากการรีดไขมันอย่างการลดกำลังนายพลที่มีมากเกินไป เราจะทำให้กองทัพเป็นกองทัพที่ทันสมัย ความมั่นคงของชาติที่เราภาคภูมิใจต้องไปพร้อมกับความมั่นคงในชีวิตครอบครัวทหารชั้นผู้น้อย นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น” นายพิธา กล่าว

ซึ่งทางด้านของนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีความสำคัญ ในฐานะพรรคก้าวไกลเราตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อทำเรื่องสำคัญอย่างแก้ปัญหาการเมือง และเรื่องสำคัญที่ต้องยอมรับคือปัญหาอย่างการทำรัฐประหาร และทหารจำนวนมากไม่เกี่ยว แต่เป็นนายพลไม่กี่คนที่ใช้ท่านรังแกประชาชน ใช้ท่านเพื่อการไปเอาอำนาจ เรารู้สึกดีที่ได้มาพูดคุยกับพี่น้องทหารทุกท่าน เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เราพรรคก้าวไกลได้มาพิสูจน์ว่าเรากล้าพุ่งชนปัญหา พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะพุ่งเข้าหาปัญหา เราได้พิสูจน์ในสภามาหลายครั้งแล้วว่าการทำหน้าที่ของเราเป็นการทำหน้าที่เพื่อทหาร ตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้น้อย เราถูกใส่ร้ายมากมายว่าเรารังเกียจกองทัพ เข้ามาเพื่อยกเลิกกองทัพ แต่ถ้าไปดูดีๆ เชื่อว่าถ้าทหารชั้นผู้น้อยถูกรังแก เพชร กรุณพล คนนี้จะเป็นคนที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้อง เขาพร้อมชนกับนายพลทุกคนเพื่อปกป้องทหารชั้นผู้น้อย เราไม่กลัวนายพล ไม่กลัวผู้มีอำนาจ เราพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าเราไม่ใช่พรรคการเมืองที่เกี้ยเชียะประนีประนอม แต่เราพร้อมชน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราตั้งคำถามกับนายพล ที่หลายๆครั้งเขาหาประโยชน์จากท่านมากกว่าทำเพื่อประเทศ

“พรรคก้าวไกลอยากเห็นกองทัพที่ทันสมัย ที่เราทำมาแล้วคือเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับการเกณฑ์ทหาร แม้จะไม่สำเร็จ เพราะนายกรัฐมนตรีที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อนุมัติ แต่ในอนาคตถ้าเรามีอำนาจมากพอ ได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่เราจะทำทันทีคือการเสนอร่างนี้อีกครั้ง เราต้องยุติการบังคับเกณฑ์ทหารแล้วเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ เราเสนอว่าตั้งแต่ 18-40 ปี ไม่ว่าชายหรือหญิงสมัครมาได้ เงินเดือนสวัสดิการจะดีกว่าที่เป็นอยู่ เป็นทหารอาชีพที่ไม่ต้องไปรับใช้คุณหญิงคุณนายอีกต่อไป ทหารได้รับทุนการศึกษา มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานครองชั้นยศถึงพันโทด้วย ขณะที่เรื่องของการพัฒนาอุสาหกรรมการป้องกันประเทศ ที่ไม่ต้องไปสูญเสียงบประมาณให้กับต่างประเทศ อีกทั้งจะเกิดสร้างการจ้างงานเป็นจำนวนมาก ก็เป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะให้เกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของที่ดินกองทัพ ธุรกิจกองทัพ ที่อยู่กับมือนายพลไม่กี่คน ต้องนำมาสร้างรายได้ให้กับประเทศ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่” นายรังสิมันต์ กล่าว

ในขณะที่นายกรุณพล กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนมีความผูกพันกับข้าราชการ กับทหาร เพราะพ่อจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีเพื่อนเป็นทหารหลายคน ที่ผ่านมาได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของข้าราชการรวมถึงทหารมาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่มีคำถามมากๆ คือ ทำไมนายทหารหลายคนที่เกษียณจากนายพลแล้วมีเงินเก็บมากมาย เขาบอกว่าไม่ได้ โกง แต่เงินส่วนนี้บางครั้งก็มาจากการทำธุรกิจซึ่งขูดรีดเอาจากทหารชั้นผู้น้อย มีทั้งขายเสื้อ กางเกง กางเกงนั้น รองเท้า สารพัด ฯลฯ ภาษีของประชาชนเหล่านี้แทนที่จะใช้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือทหารชั้นผู้น้อยควรจะได้ใช้ข้าวของเครื่องใช้ที่มีประสิทธิภาพ กลับไม่ได้

ขณะที่รายได้จากตรงนี้ เงินจากตรงนี้ก็ดันตกไปอยู่กับนายทหารไม่กี่คนที่ถืออำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณพวกนี้ ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อน เครื่องแบบทหารเป็นเครื่องแบบที่ลูกผู้ชายที่ทุกคนอยากสวมใส่ ตนเองก็เช่นกัน แต่เมื่อโตขึ้นกลับรู้สึกผิดหวัง เพราะได้เห็นความเหลวแหลกของระบบ เห็นการใช้เงิน ใช้เส้นสาย ไต่เต้าไปมีอำนาจ เหมือนอย่างที่ ส.ส.รังสิมันต์ โรม เคยอภิปรายเรื่องตั๋วช้าง คิดว่าในระบบทหารทหารก็เช่นกัน ทหารชั้นผู้น้อยเมื่อเริ่มรับราชการ ครอบครัวของเขาอยู่บ้านพักทหารแบบไหน 30 ปีผ่านไปก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ขณะที่นายทหารนายพลมีบ้านใหญ่โต เมียขับรถหรู มีกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงใช้ และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่พรรคก้าวไกลเรามีนโยบายปฏิรูปกองทัพ เพื่อทำให้ทหารชั้นผู้น้อยอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีสวัสดิการ และอยู่อย่างที่ผู้คนชื่นชม ทำให้คนภาคภูมิใจในเครื่องแบบทหาร

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 พรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยมีเนื้อหาบางส่วนของนายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครฯ สงขลา เขต 6 โดยพรรคก้าวไกลมีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย รวมถึงเรื่องการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารด้วย และยังมีการชูสามนิ้วอีกด้วย ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรกระทำ ควรมีวุฒิภาวะพิจารณาได้อะไรควรหรือไม่ควรกระทำ เมื่อขออนุญาตเข้ามาหาเสียงในเขตทหาร ควรต้องมีความระมัดระวังและเคารพเจ้าของสถานที่