“เปลว สีเงิน” กระทุ้งรบ.ไม่เด็ดขาด!? ปล่อย “แก๊งชังชาติ” ยืนจ้วงจาบสถาบันกลางเมือง เจอพิษโควิดซ้ำเข้าทางสามกีบ !?

1933

“เปลว สีเงิน” กระทุ้งรบ.ไม่เด็ดขาด!? ปล่อย “แก๊งชังชาติ” ยืนจ้วงจาบสถาบันกลางเมือง เจอพิษโควิดซ้ำเข้าทางสามกีบ !?

จากสถานการณ์ภายในรัฐบาลที่ขณะที่ถือว่ากำลังระส่ำระส่ายและกำลังอ่อนแอ เนื่องจากถูกกระแสโจมตีจากหลายๆด้าน ตั้งแต่มีการชุมนุมขับไล่นายกฯ มีการโจมตีเรื่องของการบริหารและการแก้ไขปัญหาและจัดการเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด19 รวมไปถึงล่าสุดยังมีเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โรงงานสารเคมี บริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ที่รัฐบาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดทางด้านของ เปลว สีเงิน คลัมนิสต์ชื่อดังแห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้ออกบทความเรื่อง ยกนี้ “โควิด” ทำแต้มเหนือ โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจว่า เป็นนาทีทองของ “แดง-ส้ม” และนางงาม-ดาราโละเข่ง ใครไม่ออกมาโพสต์ด่านายกฯ ถือว่าไม่อินเทรนด์! เครือข่ายสามนิ้วชังชาติ ก้าวหน้า ก้าวไกล แคร์ เพื่อไทย เหมือนเชื้อรา ได้องศาความอุ่นในง่ามตูดนายกฯ เริงร่า คิกคักกันใหญ่

นาทีทองของพวกเรามาถึงแล้ว “ล้มประยุทธ์ก้าวแรก-โค่นสถาบันก้าวต่อไป” อย่าได้รอช้า ได้เวลา “รวมกันตี” เอาให้ตายในยกนี้ให้จงได้ สายพันธุ์เดลตา มันเป็นใจให้พวกเราแล้ว ชาวบ้าน “ป่วยหนัก-ตายหนัก” พวกเราต้องกระหึ่มเฮตสปีชติดแฮชแท็ก “นายกฯ ตัวซวยป่วยตายทั้งเมือง” บีบหัวใจ ไม่ลาออก ก็ให้เครียดลงหำตายไปเองเลย!

สื่อ ตอนนี้ทำหน้าที่ “สื่อสารผสมโรง” ได้ดีเยี่ยม อัดทุกเม็ด-เช็ดทุกดอก ดีรัฐบาลทำ มองไม่เห็น พลาดเท่าตัวเล็น โอ้โห..ผิดนี้ โตเท่าช้าง แล้วหยิบขยี้ขยำ ตำเช้า-ตำเย็น ดรามานิยายข่าวเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา โน่นตายคาบ้าน นี่นอนรอเตียง รัฐบาลไร้น้ำยา วัคซีนก็หาไม่ได้ จับโควิดมาติดแป้งเปียกประจานก็ไม่ได้ อย่างนี้ นายกฯ ต้องออกไป ขืนอยู่ คนตายยกเมือง!

ดิจิทัลช่องเอกชน ก็พอเข้าใจ “ฮิดเดน อาเจนดา” มันเป็นภาษาเศรษฐทรัพย์ปริวรรตและการเมือง แต่ช่องรัฐ “กินเงินหลวง” บางช่องนี่ซีไม่เข้าใจ….. เป็นนโยบาย “ให้เป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มคนฆ่ารัฐทางข่าวสาร” หรือให้ทำหน้าที่แซะรายวันและปั่นข่าวสร้างตระหนกให้ชาวบ้านจิตตก ว้าวุ่น สติแตก กลัวตาย ก็ยังงงๆ กับ “นโยบายรัฐ” เขาอยู่ เลี้ยง NGO ให้มีแรงฆ่ารัฐ ยังไม่พอ ยังเลี้ยงสื่อโทรทัศน์ให้ผสมโรงอีกแรง แถมยังมีหอกข้างแคร่ หลุมฝาก อยู่ในฟากรัฐบาลบ้าง ในกลุ่มข้าราชการทหาร-ตำรวจและพลเรือนบ้าง

นายกฯ รู้-ไม่รู้ เป็นเรื่องนายกฯ แต่ที่ผมรู้ “พุทธภาษิต” บทหนึ่ง มีว่า “ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา” “อ่อนไป…ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป…ก็มีภัยเวร” รัฐบาล โดย ศบค.ออกมาตรการเข้มสกัดเดลตาระบาด ๑๔ วัน ใน ๑๐ จังหวัดสีแดง หนึ่งในหลายข้อ ไม่ให้นั่งกินในร้าน ก็มีแฮชแท็ก “กูจะนั่งกินมึงจะทำไม” แล้วไปจับกลุ่มนั่งกินกันตามสถานที่สาธารณะ ถ่ายลงเฟซโชว์ ไม่ให้อยู่รวมกันเกิน ๕ คน กูนัดชุมนุมทุกเสาร์ แห่แหน ถอดหน้ากากแฮ่..แฮ่ ใส่กัน จ้างพวกนางถันล้นเรียกคนมาดูป้ายด่านายกฯ

กระทั่งขบวนการชังชาติ-ล้มสถาบัน ยืนจ้วงจาบหยาบช้าสถาบันกลางบ้าน-กลางเมือง ต่อหน้าตำรวจ ต่อหน้าศาลกระบวนการกฎหมายทำอะไรให้สังคมชาติ-สังคมโลกได้เห็น “ความศักดิ์สิทธิ์” ของกฎหมาย ว่าเรื่องเช่นนี้ต้องซีเรียสและเฉียบขาดบ้าง? เรื่่องควรทำ “ต้องทำ” เพราะสถาบันคือเสาหลักชาติ ไม่เฉพาะวันนี้ หากแต่มันมีผลทางยาว-ทางยั่งยืนของชาติและบ้านเมือง บางเรื่องหย่อนได้ แกล้งโง่ได้ แต่กับเรื่องของชาติ-ของสถาบัน “หย่อนไม่ได้” หย่อนวันไหน เกิดช่องว่างให้ “แมลงวางไข่” จะเกิดเชื้อชอนไช ไม่ตายวันนี้……… แต่จะค่อยๆ อ่อนแอ ง่ายต่อการโค่นล้ม เพราะในสังคมรุ่นต่อไป มนุษย์จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม “ถูกสร้างขึ้น” ในร่างมนุษย์ ประหนึ่งมนุษย์วัตถุ ฉะนั้น ความเข้มแข็งทางกฎหมาย และการทำให้เห็นผลของการกระทำต่อสถาบันชาติที่ไม่ล่าช้า จะเป็นสิ่งหนึ่งช่วยผดุงรักษาความเป็น “ชาติไทย” ให้แข็งแกร่ง

แล้วทุกวันนี้ บ้านเรามันเป็นประชาธิปไตยตรงไหน  ด่านายกฯ ด่าสถาบัน อ้างสิทธิเสรีภาพ พอมีคนด่ากลับ ตัวเองไปฟ้องศาลว่าถูกหมิ่นประมาท พอตำรวจจับดำเนินคดี หาว่าใช้อำนาจรังแกประชาชน ฉะนั้น บ้านไทย, เมืองไทย, คนไทย ต้อง “ประชาธิปไตยไทย” ดีแล้วผีเข้า ถ้าไม่เอามันซะบ้าง มันก็จะเอาเรา  ถ้านายกฯ อยาก “ถูกเอา” ฝ่ายเดียว…ก็เชิญ!