สีกล่าวถึง “การรวมชาติกับไต้หวัน” ในสุนทรพจน์วันครบรอบ 1 ศตวรรษ การสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะเดียวกันยังกล่าวเตือนด้วยว่าที่ผ่านมา จีนไม่เคยข่มเหงรังแกประเทศใดๆจึงขอเตือนว่าใครก็ตามอย่ามาข่มเหงรังแกจีน
วันที่ 1 ก.ค. 2564 นสพ.South China Morning Post รายงานว่า ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน กล่าวสุนทรพจน์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า “คนจีนไม่เคยรังแก กดขี่ หรือข่มเหงชนชาติอื่น ทั้งในอดีต ตอนนี้ และในอนาคต”
“ขณะเดียวกันคนจีนจะไม่ยอมให้ต่างชาติรังแก กดขี่ หรือข่มเหงพวกเรา” สีจิ้นผิงกล่าว “ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความหลงผิดในการทำเช่นนั้นจะต้องหัวแตกและหลั่งเลือดลงบนกำแพงเหล็กที่สร้างจากเลือดเนื้อของคนจีน 1,400 ล้านคน”
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุว่าการรวมชาติกับไต้หวันเป็นภารกิจประวัติศาสตร์และคำมั่นสัญญาที่พรรคคอมมิวนิสต์จะต้องบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เชิญชวนให้ชาวจีนที่อาศัยในไต้หวันร่วมประกาศเอกราชไต้หวัน และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ ว่าการรวมชาติอย่างสันติและสมบูรณ์เข้ากับ “ดินแดนที่เป็นมาตุภูมิ” ถือเป็นหนึ่งในปณิธานอันมุ่งมั่นและแน่วแน่ของพรรค และความปรารถนาพื้นฐานของชาวจีน ด้วยเหตุนี้ ประชาชนผู้รักชาติซึ่งอาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งของช่องแคบ “ล้วนเป็นลูกชายและลูกสาวของจีน” ต้องร่วมมือกันไปสู่ความปรองดองและความสมานฉันท์ “ร่วมกันบดขยี้” โอกาสของการแทรกแซงและขับเคลื่อนแผนการชั่วร้ายที่ต้องการ “เอกราชของไต้หวัน”เพื่อประโยชน์ของตน
ทั้งนี้ ผู้นำจีนยืนยันว่า กระบวนการรวมชาติ “ต้องเป็นไปอย่างสันติ” แต่บุคคลภายนอกไม่ควรด้อยค่าความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของชาวจีน ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
ขณะที่สำนักงานกิจการแผ่นดินใหญ่ ในกรุงไทเป ยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการ โดยแหล่งข่าวให้ข้อมูลเพียงว่า ผู้เกี่ยวข้อง “กำลังตีความ” คำพูดของประธานาธิบดีจีน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบระหว่างรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่งกับรัฐบาลไทเป ตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ขึ้นสู่อำนาจผู้นำไต้หวันในปี 2559 โดยจีนมองผู้นำหญิงของไต้หวัน “ฝักใฝ่การแบ่งแยกดินแดน”
ในงานฉลองครบรอบ 100 ปีวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้ประกาศการเริ่มต้นพิธีเฉลิมฉลองโดยมีการเดินสวนสนามของเหล่าทหาร การเชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสา และการยิงสลุต 100 นัด
ในงานนี้ปธน.สีฯได้แถลงว่า จีนจะเดินหน้าจากชาติที่ถูกเหยียดหยาม สู่ความรุดหน้ามั่งคั่งยั่งยืน พร้อมกับระบุว่า “ยุคที่จีนถูกเหยียดหยาม ได้จบลงไปแล้ว”
ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ได้แถลงการณ์ดังกล่าวที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งด้านบนประดับรูปภาพขนาดใหญ่ของ “เหมา เจ๋อตง” นักปฏิวัติลัทธิคอมมิวนิสต์ชาวจีน ที่ได้กลายเป็นบิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และแถลงการณ์จากโพเดียมเดียวกันกับที่เหมา เจ๋อตง เคยแถลงการณ์ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 1949
โดยบรรยากาศภายในงานเฉลิมฉลอง เต็มไปด้วยนักร้อง และนักดนตรีในวงโยธวาทิตหลายพันคน ที่บรรเลงเพลง ซึ่งมีเนื้อเพลงอย่าง “เราคือทายาทของคอมมิวนิสต์” และ “หากไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์ ก็คงไม่มีจีนแบบใหม่” ขณะที่มีผู้ร่วมงานที่ไม่ส่วมแมสก์หลายพันคน คอยโบกธงให้กำลังใจ รวมทั้งยังมีการยิงปืนใหญ่ถึง 100 ครั้ง
นอกจากนี้ สี จิ้นผิงระบุด้วยว่า พรรคคอมมิวนิวต์ฯได้ฟื้นฟูประเทศ, ทำให้ประชากรหลายร้อยล้านคน ออกจากภาวะยากจน และปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการพัฒนาในรูปแบบนำสมัย รวมทั้งยังระบุด้วยว่า ต่อไปนี้ยุคประวัคิศาสตร์ของจีน จะเป็นยุคแห่งการฟื้นฟูประเทศที่รุ่งเรืองตลอดไป