“หมอวรงค์” ซัดหน้าแก๊ง 3 นิ้ว คิดผิดดึงดราม่า “พิมรี่พาย” โจมตีเจ้า ท้าเลย ม็อบตกอับ คำว่า “เบิ้มๆ” ไม่มีจริง

1947

จากรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หรือหมอวรงค์ ได้โพสต์ถึงดราม่าพิมรี่พายขึ้นดอย ที่หมู่บ้านแม่เกิบ ระบุว่า ขบวนการล้มเจ้าหน้าแตก ครั้งแรกที่ได้ดูคลิปของพิมรี่พาย ก็ไม่ต่างจากคนที่อาสาทำความดี เอาของไปบริจาคในพื้นที่ห่างไกล

ยิ่งมาดราม่ามากขึ้น เมื่อขบวนการล้มล้างสถาบัน เอากิจกรรมของพิมรี่พายไปโยงถึงสถาบันเบื้องสูง ความรู้สึกตอนนั้นก็คิดว่า ถ้าเขาคิดแบบนั้นจริง ๆ มันเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก สมัยเราเป็นนักศึกษา ยังเคยไปสร้างโรงเรียน สร้างส้วม เปิดกองทุนยา ให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่เขาจะไปสร้างอะไรให้ประชาชน

จนกระทั่งได้มาดูไลฟ์ของพิมรี่พาย โดยเฉพาะประโยคคำพูด “อีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้เลย จะดราม่าอะไรกันนักหนา เอาไปโยงทำไม เอาไปเป็นเครื่องมือความสนุกของพวกมึงทะเลาะกัน โยงอะไรกันนักหนา” ผมจึงเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริง และเข้าใจเลยว่า ขบวนการล้มล้างสถาบันนี่อันตรายมาก ที่จะฉวยโอกาสโยงมั่ว ๆ ไปหมด

แม้ล่าสุดนายเพนกวิน ยังมาตั้งคำถามโง่ ๆ ที่ว่า “ถ้ามันดี ทำไมพิมรี่พายยังต้องขึ้นดอย” คำตอบสำหรับเพนกวินก็คือ “ไปถามทักษิณและยิ่งลักษณ์ดู เป็นนายกกันมาตั้งนาน พื้นที่บ้านตัวเองแท้ ๆ ทำไมไม่ดูแลเขา”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “หมอวรงค์” สะใจ ขบวนการโจมตีเจ้าหน้าแตก โหนห้อย “พิมรี่พาย” ภาพถ่ายดอยอ่างขาง 40 ปี เทียบปัจจุบัน พิสูจน์ชัดพระราชกระแสรับสั่งของร.9

ล่าสุดนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “เรื่องลับมาก” ทางเนชั่น ทีวี โดยมีบางช่วงบางตอน ที่บอกว่า “พวกแก๊ง 3 นิ้วคิดผิด ที่เอาเรื่องดราม่าของพิมรี่พาย มาโยงโจมตีสถาบันฯ”

โดยพิธีกร ดร.เสรี วงษ์มณฑา ได้ถามหมอวรงค์ว่า มองว่าสถานการณ์ของพิมรี่พาย ก่อให้เกิดอะไรบ้าง ในแง่การพัฒนา?

ซึ่งหมอวรงค์ ตอบว่า : “ผมคิดว่าอย่างน้อยราชการได้กำหนดพื้นฐานว่านี่คือหมู่บ้าน ความเป็นหมู่บ้านควรมีมาตรฐาน คุณภาพชีวิตขั้นต่ำให้เขา ไม่ใช่กำหนดให้เป็นหมู่บ้านแต่ไม่มีมาตรฐานชีวิต มันไม่ได้ การที่คุณพิมทำสิ่งนี้ขึ้นมา ผมคิดขึ้นมาเลยว่า ถ้ากระทรวงมหาดไทย ราชการ กล้าประกาศให้เขา คุณก็ต้องกล้าที่จะดูแลเขาว่ามาตรฐานความเป็นหมู่บ้านมีอะไรบ้าง เช่น ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา การศึกษา สุขภาพ รวมทั้งการประกอบอาชีพที่ควรเข้ามาดูแล”

“สมัยนั้นไม่มีโซล่าร์เซลล์นะ สมัยผมเป็นนักเรียนแพทย์ สิ่งที่พูดมากที่สุดในตอนนั้นคือเรื่องฝิ่น มีการปลูกฝิ่นและค้าฝิ่นกันเยอะมาก การที่พระองค์ท่านเข้าไปเปลี่ยนวิถีประชาชนในพื้นที่สูง จากการปลูกฝิ่น มาสู่การปลูกพืชเมืองหนาว เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมาก ไม่เพียงแต่คุณภาพชีวิต ไม่ต้องพูดเรื่องการศึกษาที่ท่านพยายามเอาลงไปในพื้นที่ แม้แต่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน การปลูกพืชเมืองหนาว หลายที่มีการแปลงสภาพ และเอามาขายในพื้นที่ราบ พระองค์ท่านทำได้เยอะมาก อย่าเปรียบเทียบกันเลย”

และขอให้พูดถึงความผูกพันระหว่างชาวเขาและราชวงศ์ ?

ซึ่งหมอวรงค์ก็บอกอีกว่า : “ผมว่าทุกพื้นที่นะ ชีวิตเขาเคยถูกโดดเดี่ยว เมื่อ 70-80 ปีที่แล้ว การที่พระองค์ท่านลงไป พระองค์ท่านคือตัวกลางในการเชื่อมโยงคนไทยในภูเขากับคนไทยพื้นราบ ว่าเราคือคนไทยด้วยกัน แล้วพระองค์ท่านทำให้เขาผูกพันความเป็นคนไทย วันนี้คนเหล่านี้คือคนไทย วันที่ในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต เห็นภาพชาวเขาหลาย ๆ ที่เดินทางมาด้วยชุดชาวเขา เขามาด้วยความผูกพัน เพราะทำให้เขาคือคนไทย ในหลวงทำให้เขาคือคนไทย แล้วคนไทยพื้นราบ กับคนไทยภูเขากลายเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น”


มีคนบางกลุ่มพยายามแยกชาวเขาจากราชวงศ์ ?

หมอวรงค์กล่าวว่า “คนพวกนี้มีความคิดไม่ดีกับราชวงศ์ ผมพยายามถามหลาย ๆ ฝ่ายว่าพวกคุณเชียร์ให้เห็นหน่อย ว่าสิ่งที่คุณคิดกับราชวงศ์ ถ้าเป็นตามที่คุณต้องการ คนไทยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มันโยงไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องรัฐบาล งบประมาณอยู่ที่รัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่คุณกำลังทำลายสถาบัน เพียงแค่คุณมีความฝันอยากเป็นประธานาธิบดี”

พร้อมทิ้งท้ายถึงม็อบ 3 นิ้ว ระบุว่า “ผมท้าเลยพวกคุณคิดผิดมานานแล้ว คนไทยทั้งประเทศไม่เอากับคุณ คุณแปลกใจมั้ยว่าทำไมคนไทยใส่เสื้อเหลืองออกมาเชียร์สถาบัน คุณแปลกใจมั้ยคนไทยออกมาพูดว่าในหลวงสู้ ๆ มันไม่เคยมีสภาพแบบนี้ แล้วสถาบันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นการที่คุณท้าทายสังคมว่ากลางปีนี้จะบึ้ม ๆ มันไม่จริง เราต้องย้ำว่ารากประเทศไทยคือสถาบัน

กษัตริย์เป็นผู้สร้างชาติ ตั้งแต่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ประกาศเอกราชจากขอม ตั้งแต่นั้นมากษัตริย์เราเป็นผู้สร้างชาติตลอด เป็นจอมทัพตลอด แล้วย้ำอีกนิดที่ว่าคุณคิดผิด นี่คือวิถีคนไทยเรามีความรักศรัทธาในผู้มีพระคุณ ในเมื่อสถาบันท่านเป็นคนสร้างแผ่นดินนี้ คนไทยผูกพันกับสิ่งเหล่านี้ และคนไทยมีความเกรงใจ มีความเคารพนับถือ ดังนั้นคุณจะเอาแบบฝรั่งอเมริกาที่กำลังมีปัญหา จะเอามาใช้กับประเทศไทย มันจึงเป็นไปไม่ได้”