สะดุ้งทั้งสภา! “ชวน” ลั่น สส.รับเงินเดือนเต็ม ไม่เดือดร้อนต้องทำงาน! ขณะ “หมอวรงค์” แนะนักการเมืองเสียสละรายได้ เยียวยาปชช.!!

2536

สะดุ้งทั้งสภา! “ชวน” ลั่น สส.รับเงินเดือนเต็ม ไม่เดือดร้อนต้องทำงาน! ขณะ “หมอวรงค์” แนะนักการเมืองเสียสละรายได้ เยียวยาปชช.!!

จากกรณีที่วันนี้ (28 มิถุนายน 2564) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้เลื่อนการประชุมสภาฯ หลังจากที่พบว่ามี ส.ว.ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้ามายังพื้นที่รัฐสภาเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของการกระจายเชื้อโรค ว่า ตนได้ออกระเบียบวาระประชุมสภาฯ แล้ว จึงไม่สามารถทำได้ ส่วนกรณีที่มี ส.ว.ติดเชื้อ ได้สอบถามข้อเท็จจริงพบว่า ส.ว.คนดังกล่าวไม่ได้เข้าไปในห้องประชุม ส่วนคนขับรถไม่ได้เข้าพื้นที่เช่นกัน ทั้งนี้ มาตรการของสภาฯ ซึ่งป้องกันเข้มงวดและทำต่อเนื่องนั้นได้ผล ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ามีหลายคนที่กังวล แต่ตนมองว่ายังสามารถประชุมได้ตามปกติ แต่หากได้รับความไม่สะดวก อาจต้องพิจารณาอีกครั้ง

นายชวน กล่าวถึงประกาศของ ศบค.และ กทม.ฉบับใหม่ว่าด้วยการล็อคดาวน์ 10 จังหวัด รวมถึงพื้นที่ กทม.ด้วยว่า ก่อนหน้านี้สภาฯ เคยทำเรื่องสอบถาม และได้รับอนุมัติให้สามารถเปิดประชุมได้ตลอดสมัยการประชุม แม้ระเบียบและประกาศใหม่ที่ออกมาระบุห้ามรวมตัวเกิน 20 คน ถือว่าไม่มีผลต่อการประชุมสภาฯ เพราะได้รับการอนุมัติล่วงหน้าแล้ว ส่วนมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายนั้น เข้าใจว่าใช้กับผู้ใช้แรงงาน ไม่ใช่กักตัวประชาชนทั่วไป

“ผมเข้าใจว่ามี ส.ส.ส่วนหนึ่งกังวลเรื่องนี้ แต่เข้าใจ และขออย่าซ้ำเติมเหตุการณ์ ผมไม่อยากให้สภาเป็นแห่งผู้ติดเชื้อ ถึงได้เข้มงวดเรื่องมาตรการ และวันหยุดที่ผ่านมาทำความสะอาดแล้ว ส่วนกรณีที่มีข้าราชการที่อึดอัดและวิจารณ์นั้น ผมยอมให้วิจารณ์บ้าง แต่ต้องไม่ย่อหย่อน ลดความเข้มข้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สภาฯ ส่วนใหญ่ทำงานอยู่บ้าน เพื่อลดจำนวนคนในสภาฯ และขณะนี้ผมเป็นห่วงประชาชนที่ไม่มีเงินเดือน ส่วนคนที่มีเงินเดือนมีหลักประกัน ข้าราชการที่ไม่มีปัญหา ขอให้ทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานเพื่อบ้านเมือง อย่าท้อแท้ปัญหาที่มี คนอื่นเดือดร้อนยิ่งกว่า”

เมื่อถามถึงการทบทวนการเปิดประชุมหรือ การขอความร่วมมือการประชุมกรรมาธิการประจำสัปดาห์ นายชวน กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์ตลอด สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งเตียงพยาบาลไม่พอ เพราะห้องมีจำกัด สิ่งสำคัญคือต้องรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนป้องกันตัวเองให้มาก สวมหน้ากากผ้า เพื่อแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนัก คือ ต้องลดคนติดเชื้อ สำหรับสภาฯ เช่น การทำงานของกรรมาธิการฯ ไม่มีปัญหาเพราะขยายเวลาได้ แต่ตนเข้าใจว่าอาจจะหยุดประชุมแค่ 1 – 2 สัปดาห์ ก่อนจะกลับมาประชุมต่อ เพราะยังไงไวรัสโควิด-19 ยังไม่หมดไป

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีคนอยากติดเชื้อโควิดเพื่อเอาเงินประกัน นายชวน กล่าวว่า มีด้วยหรือ เมื่อถามถึงข้อเสนอให้ ส.ส.ตัดเงินเดือนตัวเองเพื่อนำมาช่วยโควิด นายชวน กล่าวว่า การไม่คอร์รัปชันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เพียงแค่ทุกคนไม่ทุจริต เราก็จะมีงบประมาณจำนวนมาก ดังนั้น อย่าคอร์รัปชันเป็นดี

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่สมาชิกรัฐสภาทำได้ตามกฎหมาย

ในขณะที่ทางด้านของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่กำลังจะวิกฤติ โดยระบุข้อความว่า

#รัฐบาลต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน
การระบาดของโควิดรอบสามนี้ กระแทกรัฐบาลลุงตู่แรงมากครับ โดยเฉพาะการประกาศกึ่งล็อคดาวน์ ล่าสุดนี้ เล่นเอาประชาชนหลายส่วนตกใจ ประกอบกับผู้ที่จ้องทำลายรัฐบาล จึงฉวยโอกาสจ้องไปบิดเบือนขยายผลในทางผิดๆ
ที่สำคัญคือ รัฐบาล ผู้บริหารประเทศ คณะรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ดูแล้วก็ยังไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร เพราะทุกคนยังมีรายได้ตามปกติ ที่เลวร้ายมากๆคือ ส.ส. ส.ว. แทนที่จะมาถกเถียงเรื่อง การหาทางออก ความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องโควิด กลับถกเถียงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องบัตรสองใบ เพื่อชิงความได้เปรียบของพรรคการเมืองใหญ่
ผมคิดว่าจะสองปีแล้ว ที่ประชาชน ภาคเอกชน ต้องแบกรับภาระ จากผลกระทบในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดนี้ ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง บางกลุ่มก็แบ่งปันให้คนไม่มี บางคนทำอาหารไปแจกจ่ายกัน ช่วยเหลือกันตามวิถีของคนไทย แต่รัฐบาล รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. นักการเมือง ข้าราชการระดับสูงของรัฐ สองปีที่ชาวบ้านเดือดร้อน ทุกท่านก็ยังสบายดี มีเงินเดือน ใช้จ่ายกันตามปกติ ไม่มีอะไรต้องเดือดร้อน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องการทุจริต เงินใต้โต๊ะ
ที่ผมลงทุนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา อยากให้ทั้งท่านนายก ท่านรัฐมนตรี ส.ส. สว. นักการเมืองที่รับเงินเดือน
รวมทั้งข้าราชการระดับสูง น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ทุกท่านต้องร่วมเสียสละ บริจาคเงินเดือนของทุกท่าน อย่างน้อยเดือนละ 10-15% เพื่อมีส่วนนำเงินเหล่านี้ไปตั้งเป็น “กองทุนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน” เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แม้ในภาพรวม เงินนี้จะไม่มากเพียงพอ แต่เพื่อให้ทุกท่านมีความรู้สึกร่วมกับประชาชนว่า เมื่อถึงคราวทุกข์ เราต้องทุกข์ร่วมกัน และเมื่อถึงคราวสุข เราก็จะสุขร่วมกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ที่สำคัญ นักการเมืองและข้าราชการระดับสูง จะได้รับรู้ความรู้สึกของประชาชนด้วยว่า การที่ได้เงินลดลงนั้น ประชาชนเขาเดือดร้อนเพียงใด อย่างน้อยทุกท่านจะได้ใจ ได้ความรู้สึกดีๆ จากประชาชน
สำหรับผมเอง แม้จะมีเงินจากกองทุนส.ส. ที่โอนมาให้ผมเดือนละ 11,000 บาท ถ้ารัฐบาลดำเนินการโครงการ”ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน” ผมยินดีที่จะไปเซ็นต์ที่สภา เพื่อมอบเงินสมทบกับทางรัฐบาลเดือนละ50% คือเดือนละ 5,500 บาททันทีครับ