เปิดประวัติ “ตุ้ม สุรภักดิ์” อดีตผตข.คดีม.112 เป็นเสื้อแดง-ท่อน้ำเลี้ยงกลุ่ม 24 มิถุนา!? ก๊วนสุรชัย สุดา เปิ้ล แก๊งลี้ภัยหมิ่นสถาบัน!?

6016

เปิดประวัติ “ตุ้ม สุรภักดิ์” อดีตผตข.คดีม.112 เป็นเสื้อแดง-ท่อน้ำเลี้ยงกลุ่ม 24 มิถุนา!? ก๊วนสุรชัย สุดา เปิ้ล แก๊งลี้ภัยหมิ่นสถาบัน!?

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2564 นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดเชียงราย หนึ่งในแกนนำม็อบกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” ถึงอุบัติเหตุรถสปอร์ตของนายสุรภักดิ์  ภูไชยแสง หรือตุ้ม อายุ 50 ปี ข้ามเกาะกลางชนรถซูซูกิจนมีตัวเองเสียชีวิตและคนในรถซูซุกิเสียชีวิตรวม 3 ราย บริเวณบนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก   บริเวณหลักกิโลเมตรที่  180-181 หมู่ 7 ต.ห้วยโป่ง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ว่า ผิดก็คือผิดนั้นแหละ ยิ่งความผิดนั้นทำให้คนอื่นตายไปด้วยยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ ไม่มีอะไรมาทดแทนหรือเยียวยาอีกฝั่งหนึ่งได้

“ในมุมของเพื่อนฝูง ก็เสียใจต่อการจากไปของเขา และเสียใจต่อครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย​จากการประมาทของฝ่ายเรา ในส่วนตัวผมสนิทกับพี่ตุ้ม อาจจะเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างโดน 112 จากการยัดคดีของเจ้าหน้าที่ และเรากำลังจะมีโปรเจค​ยกเลิก 112 ด้วยกัน พูดคุยกันหมดแล้ว รอแค่เวลาที่เหมาะสม แต่พี่ตุ้มก็จากไปเสียก่อน
เราขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว​ผู้เสียชีวิต และเราก็เสียใจที่พี่ตุ้มเสียชีวิต”

ต่อมาทางด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวโโยระบุข้อความว่า แจ้งเหตุฉุกเฉินด่วน ใครติดต่อญาติสุรภักดิ์ ภูไชยแสง ได้รับอุบัติเหตุ ติดต่อไปที่ 091-0284050 รพ.หนองใผ่ -ใครติดต่อยายแต้ม แม่สุรภักดิ์ ได้ช่วยติดต่อให้ด้วยนะครับ

และต่อมาก็ได้โพสต์ข้อความต่อว่า สู่สุคติ สวรรคาลัย สุรภักดิ์ ภูไชยแสง เพิ่งเจอกันวันที่ 9 มิย.ที่ผ่านมา ที่ร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ลาดปลาเค้า เวลา 12.00 พร้อมกับทนายเซี้ยง ธิติพงษ์ ศรีแสง ตุ้มชวนให้ไปเที่ยวที่อัมพวาด้วยกันในระหว่างเสาร์-อาทิตย์ (12-13มิย.) ทนายเซี้ยงบอกว่าติดทำคดีต้องเดินทางวันอาทิตย์ ส่วนผมติดกำไล EM ออกนอกเขตกรุงเทพไม่ได้ ตุ้มก็เลยไปเที่ยวคนเดียวที่เขาค้อ เพชรบูรณ์ พร้อมกับพริตตี้สาว

ตุ้มเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเสรีปัญญาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับคนเสื้อแดงในปี 2552-2554 ในกลุ่มนี้ที่สำคัญมีเปิ้ล กริชสุดา คุณะแสน ลี้ภัยอยู่เยอรมัน เบียร์ อิทธิพล สุขแป้น และ สยาม ธัีรวุฒิ ซึ่งถูกอุ้มหายไปในปี 2562 ตุ้มจึงติดตามการสูญหายของผู้ลี้ภัยการเมืองมาโดยตลอด
สนิทสนมกันมากช่วงที่ติดคุกอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตุ้มต่อสู้คดีที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 จนชนะคดี ด้วยเหตุที่พิสูจน์ได้ว่า หลักฐานที่ตำรวจนำมาใช้ในศาลนั้นสร้างขึ้นมาหลังจากจับกุมเขาไปแล้ว ด้วยความเชี่ยวชาญในประเด็นที่ว่า Face Book ไม่สามารถบันทึกเป็นหลักฐานได้ แม่แต้มออกมาต่อสู้ให้ตุ้มด้วยการอดข้าวที่หน้าศาลอาญาจนกลายเป็นปฏิญญาหน้าศาลที่มีไม้หนึ่งและอ.สุดา รังกุพันธ์เป็นแกนนำ เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมืองในปี 2555-2556
หลังจากปล่อยตัวออกมาด้วยความสามารถงานไอทีระดับสูงในการติดตั้งโปรแกรมและแก้ไขโปรแกรมให้หน่วยงานทั้งเอกชนและรัฐทำให้ตุ้มมีการเงินมั่นคงและมีมากพอสำหรับหาความบันเทิงในชีวิตกับพริตตี้ ถึงกับประกาศว่าขอเป็นทาสพริตตี้ทุกชาติไป ตุ้มเคยสนับสนุนการเงินให้กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยทำกิจกรรมได้อยู่หลายครั้งและเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารพวกเราที่เจอกันในม๊อบและที่เคยร่วมการเคลื่อนไหวต่อสู้
ตอนที่มีการอุ้มหายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่ลาว ตุ้มเป็นสปอนเซอร์ให้ผมและทีมงานเดินทางไปดูที่พักของสุรชัยและตะลุยไปเก็บข้อมูลการพบศพที่นครพนมจนได้หลักฐานบางอย่างที่บ่งบอกว่าศพสุรชัยถูกอุ้มหายไปด้วยที่บ้านท่าจำปา นครพนม
วันนี้พริตตี้คนที่นั่งไปด้วยขาหัก รักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองใผ่ ส่วนตุ้มสิ้นชีวิต ความรัก ความไคร่ ความอ้างว้าง ความประมาท ไม่ปราณีใคร อาลัยรักสุรภักดิ์ ภูไชยแสง สู่สวรรคาลัยไปเถิดเพื่อนรัก ไม่ได้ไปร่วมงานศพด้วย เพราะติดเงื่อนไขประกันตัว ออกนอกเขตกทม.ไม่ได้ ขอฝากความอาลัยรักหากท่านใดไปเข้าร่วมงานสวดอภิธรรมศพสุรภักดิ์ ภูไชยแสง ผมเศร้า เหงา ขาดเพื่อนรักไปอีกหนึ่งคน
สำหรับนาย นายสุรภักดิ์ เคยต้องคดีม.112 โดยศาลฎีกาพิพากษาคดี หมายเลขดำ อ.4857/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรศักดิ์ หรือ สุรภักดิ์ ภูไชยแสง อาชีพโปรแกรมเมอร์อิสระ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14, 17
โดยคดีนี้ อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2554 ระบุความผิดว่า จำเลยเป็นเจ้าของอีเมล “[email protected] โดยเมื่อวันที่ 4-16 พ.ค. 2554 จำเลยได้เขียนข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น ใส่ความ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตเหตุเกิดที่แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี, แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.,ทั่วราชอาณาจักรไทยเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเห็นว่า การวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อมูลคอมพิวเตอร์จะต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของวิธีการที่ใช้สร้าง การเก็บรักษา ความครบถ้วน ที่ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อความหรือวิธีการที่ใช้ในการแสดงตัวผู้ส่งข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บรักษาพยานหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่ต้องพยายามเก็บรักษาข้อมูลต้นฉบับไว้เพราะการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละครั้ง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ข้อมูลอาจถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย

 

ซึ่งปรากฏว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวและยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของจำเลยแล้ว กลับมีผู้เปิดใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของกลางในวันที่ 2 ก.ย. 2554 และวันที่ 7 ก.ย. 2554 ซึ่งเป็นวันก่อนที่คอมพิวเตอร์จะถูกส่งไปทำการตรวจพิสูจน์อาจเป็นช่องทางให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ง่าย จึงทำให้ข้อมูลที่ได้จากการตรวจพิสูจน์คอมพิวเตอร์ของกลางมีข้อบกพร่องกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ศาลฎีกายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า ไม่อาจรับฟังได้แน่ชัดว่า ข้อมูลการใช้อีเมล [email protected] และ Facebook ชื่อ “เราจะครองแผ่นดินโดยทำรัฐประหาร” เกิดขึ้นจากการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของจำเลย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังมีความสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรค 2