“มหาไพรวัลย์”ควง”หมอปลา” ขึ้นโรงพักร้องทุกข์สหกรณ์ครูฯ-เพจดัง ฉุนถูกโยงโจมตีการเมือง! ขณะสหกรณ์แจงจ่าย4หมื่นเอกสารเก่า?

2016

“มหาไพรวัลย์”ควง”หมอปลา” ขึ้นโรงพักร้องทุกข์สหกรณ์ครูฯ-เพจดัง ฉุนถูกโยงโจมตีการเมือง! ขณะสหกรณ์แจงจ่าย4หมื่นเอกสารเก่า?

จากกรณีที่เพจ “เดอะ พิซซ่า เมตตาดี” ได้โพสต์ภาพลงบนช่องคอมเม้นต์ อีกงานหนึ่งซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนแรง และเป็นที่แครงใจในสังคมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายในงานสัมมนา ในเรื่องของ คุณธรรม จริยธรรม อีกงานหนึ่ง ซึ่งมีการใช้งบประมาณสูงถึง 150,000 บาท โดยวิทยากรภายในงานก็คือ “พระมหาไพรวัลย์” โดยได้รับค่าจ้างงานบรรยายสูงถึง 40,000 บาท

ต่อมาทางด้าน พระมหาไพรวัลย์ ได้ออกมายืนยันว่า ตั้งแต่รับนิมนต์บรรยายธรรมมาไม่เคยได้ปัจจัยถึงจำนวนดังกล่าว ที่สำคัญไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่ระบุจำนวนหรือเรียกค่าวิทยากร และถ้ามีองค์กรไหนที่าเคยรับเรียกปัจจัยหรือระบุจำนวนค่าบรรยายให้เอาหลักฐานมายืนยัน อย่าชักช้า มีหลายครั้งที่รับนิมนต์ไปบรรยาย เจ้าหน้าที่องค์กรให้เซ็นต์กระดาษค่าวิทยากร แต่ไม่ยอมลงจำนวนปัจจัยที่ถวายให้ (อ้างว่า เดี๋ยวไปเขียนเอง) และยืนยันจะแจ้งความนะ ทั้งองค์กรที่เคยไปบรรยาย ทั้งเพจที่เอาข้อมูลไปลงด้วย

ล่าสุดวันนี้ (5 พฤษภาคม 2564) พระมหาไพรวัลย์ ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกับประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สมุทรปราการ โดยบอกว่า ในเรื่องของปัจจัยค่าวิทยากรที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ที่ทำให้พระมหาไพรวัลย์เสียหาย ที่มีเพจหนึ่งได้นำไปโพสต์ว่าเรียกรับค่าบรรยาย เป็นจำนวน 40,000 บาท ยืนยันว่า ไม่เคยเรียกรับปัจจัยเงินทองแม้แต่บาทเดียว ก็แล้วแต่สถานที่ที่รับนิมนต์จะถวายให้ ก็สุดแล้วแต่เห็นสมควร

แต่พอมาเห็นเอกสารฉบับนี้ มีรายชื่อของพระมหาไพรวัลย์ปรากฎในเอกสารว่า ถวายปัจจัยจำนวน 40,000 บาท เป็นค่าพระวิทยากร ก็รู้สึกตกใจมาก ตอนแรกนึกไม่ออกว่าเคยรับบรรยายธรรมที่ไหนที่มีการระบุปัจจัยจำนวนมากขนาดนี้ พอตรวจดูก็เป็นเอกสารเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู สมุทรปราการ ยืนยันว่า เคยรับนิมนต์มาบรรยายธรรมที่นี่จริง แต่ไม่เคยรับปัจจัยจำนวนมากขนาดนี้

ทางด้าน ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สมุทรปราการได้ออกมาชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นในปี 2562 ซึ่งเป็นการทำงานของคณะกรรมการชุดเดิม ก่อนที่ประธานสหกรณ์คนปัจจุบันจะเข้ามารับตำแหน่ง และได้เชิญเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้น ขอเรียนว่า

คณะกรรมการสหกรณ์ต้องกราบขออภัยพระมหาไพรวัลย์ที่ทางสหกรณ์ได้นำความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายให้กับพระมหาไพรวัลย์ โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2562 ชื่อโครงการเดิมคือ พัฒนาคุณธรรม จริยธรรมและประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างเหมาะสม สหกรณืออมทรัพย์ครู สมุทรปราการ ซึ่งเปิดอบรมให้กับสมาชิกสหกรณ์ใหม่ แต่เมื่อสหกรณ์ประกาศเรียบร้อยแล้ว ก็นำข้อมูลต่างๆเหล่านี้ขึ้นไปเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ต่อมาโครงการดังกล่าว สมาชิกที่เข้ารับการอบรมมีจำนวนไม่เพียงพอก็ได้มีมติให้รวบโครงการต่างๆของสหกรณ์ ในโครงการเดิมทางเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้จริงว่า เป็นค่าพระวิทยากร 40,000 บาท แต่ไม่ใช่ของพระมหาไพรวัลย์

ภายหลังจากปรับข้อมูล ปรับโครงการแล้ว ได้ใช้ชื่อว่า โครงการอบรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ร่วมแบ่งปันส่งเสริม สร้างสุขอนามัยที่ดีและสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอนสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จำกัด ก็ได้มีมติให้ปรับลดค่าพระวิทยากร เป็น 12,000 บาท และได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ว่า เวลาประสานงานกับพระมหาไพรวัลย์แล้วข้อมูลเป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ได้ตอบชัดเจนว่า พระมหาไพรวัลย์ยินดีที่จะมาบรรยายไม่มีการเรียกร้องค่าใดๆทั้งสิ้น แต่ทางคณะกรรมการก็มีเจตนาที่ดีที่จะบริจาคเป็นปัจจัยในการบำรุงพระศาสนากับทางพระมหาไพรวัลย์

ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อมูลโครงการเดิม ซึ่งคณะกรรมการได้ตั้งเบิกจ่ายไว้ 40,000 บาท แต่ในโครงการใหม่ 12,000 บาท อันนี้เป็นความบกพร่องของทางสหกรณ์ที่ไม่นำข้อมูลนี้ขึ้นไปเผยแพร่ทางเว็บไซต์อีกครั้ล ทำให้คนที่เข้ามาดูข้อมูลอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน กราบขออภัยทางพระมหาไพรวัลย์ในจุดนี้ด้วย

โดยทางพระมหาไพรวัลย์ได้ยืนยันอีกครั้งว่า ในวันนั้น ไม่ได้รับปัจจัยถึงหลักหมื่น แม้จะระบุว่า 12,000 บาท และปัจจัยที่ถวายในวันนั้น นึกว่าได้ทำการเซ็นต์เอกสารใดๆไปด้วย แต่ปรากฎว่า ไม่มีรายชื่อของพระมหาไพรวัลย์ที่ได้ทพำการเซ็นต์และรับรองจำนวนปัจจัย 12,000 บาทว่าได้รับจริงๆ ซึ่งในเรื่องนี้ทางสหกรณ์ฯ จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ในขณะที่ หมอปลา ได้บอกว่า ประเด็นดังกล่าวได้ถูกนำไปโจมตีประเด็นการเมือง และจี้ถามประธานสหกรณ์ฯว่า กำลังปกป้องใครหรือเปล่า?

ต่อมาหลังจากที่มีการแถลงข่าวชี้แจงเรื่องของเงินปัจจัยในการบรรยายธรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหาไพรวัลย์พร้อมกับหมอปลา ได้เดินทางไปแจ้งความเพจที่กล่าวหาพระมหาไพรวัลย์ว่ารับเงิน ปัจจัยจากการบรรยาย 40,000 บาท โดยมีประธานสหกรณ์มาเป็นพยานที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ