สุดน่าสงสาร!! “ปารีณา” น้ำตานอง หากผิดจริง ไม่ใช่แค่หลุดตำแหน่งส.ส. แต่พังหนัก ถึงขั้นติดคุก?

3196

หลังจากที่มีรายงานว่า ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี  พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ในวันที่ 25 มี.ค.นี้

โดยขั้นตอนหากองค์คณะพิจารณาในชั้นรับคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้รับคำร้อง จึงจะส่งสำนวนคำร้องของ ป.ป.ช.ให้ผู้คัดค้านทราบ รวมทั้งทำหนังสือแจ้งคำสั่งรับคำร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และกำหนดวันนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบถามผู้คัดค้าน โดยจะต้องแจ้งวันนัดพิจารณาครั้งแรกนี้ให้คู่ความทราบไม่น้อยกว่า 5 วันก่อนจะมีการนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐาน

จากนั้นจึงจะกำหนดนัดวันไต่สวน ทั้งนี้ระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงพ.ศ.2561 ข้อ 12 วรรคสอง บัญญัติไว้ด้วยว่า เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว ผู้คัดค้านจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ศาลแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และมีรายงานว่า น.ส.ปารีณา ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคาดว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันอ่านคำสั่งในชั้นรับคำร้องของ ป.ป.ช.

โดยในคดีนี้ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเรื่องดังกล่าว 9 เสียง เห็นชอบตามความเห็นชอบของคณะกรรมการไต่สวนว่าการกระทำของผู้คัดค้านเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี โดยกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงและกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งอันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 11 และข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 วรรคสอง โดยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีกาประทับรับฟ้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี

และเมื่อตรวจสอบในเฟซบุ๊กของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เจ้าตัวได้โพสต์รูปภาพตนเอง พร้อมข้อความ ระบุว่า “ ราตรีสวัสดิ์ ปารีณาพลังประชารัฐ #ปารีณาพักก่อน รู้สึกเศร้า” ซึ่งก็มีผู้คนเข้ามาคอมเม้นต์ให้กำลังใจด้วย

ขณะที่ทางด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เว้นแต่จะมีคำสั่งเป็นอื่น และหากพิพากษาว่าผิด ให้ถือว่าพ้นตำแหน่งนับแต่วันถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต แต่จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้”

ทำความเข้าใจ กรณี “ปารีณา ”

กรณีรุกป่า ทำฟาร์มไก่ เป็นกรณีที่ปารีณา ถูกปปช. ลงมติ และส่งศาลฎีกา พิพากษา นัดพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 25 มีนาคม 2564 นี้
มาทำความเข้าใจขั้นตอนตามกฎหมายกัน

1. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ มีมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2561 กำกับ
2. มาตรฐานดังกล่าวมี 3 กลุ่ม คือ มาตรฐานอันเป็นอุดมการณ์ อันเป็นค่านิยมหลัก และจริยธรรมทั่วไป หากผิดกลุ่มแรก ถือว่า มีลักษณะร้ายแรง
3. การร้องต่อ ปปช. ว่าใครประพฤติผิดจริยธรรม ประชาชนคนเดียวก็สามารถร้องพร้อมหลักฐานได้
4. หาก ปปช.ลงมติด้วยเสียงข้างมาก ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรงให้ส่งศาลฎีกา
5. หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เว้นแต่จะมีคำสั่งเป็นอื่น
6. หากพิพากษาว่าผิด ให้ถือว่าพ้นตำแหน่งนับแต่วันถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต แต่จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้ พรุ่งนี้รู้ครับ ช่วยกันภาวนาด้วย