เมียนมามิกสัญญี!! ปลุกกระแสต้านจีนรุนแรง ผู้ประท้วงบุกปล้น-เผา 32 โรงงานจีนในย่างกุ้ง คืนเดียวเสียหายกว่าพันลบ.

2157

การต่อต้านในเมียนมา บานปลายสู่การปลุกกระแสต้านจีนรุนแรง พุ่งเป้าโจมตีไปยังธุรกิจของจีนอย่างเต็มรูปแล้ว บานปลายถึงขั้นบุกเผา ปล้นทรัพย์สิน และทุบทำลายโรงงานจีน ถึง 32 แห่ง ความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1 พันล้านบาท นักวิเคราะห์มองว่าผู้กระทำผิดที่โจมตีโรงงานของจีนอาจเป็นชาวบ้านที่ต่อต้านจีนซึ่งได้รับการยั่วยุจากกองกำลังต่อต้านจีนของตะวันตก องค์กรพัฒนาเอกชนและกลุ่มผู้ต่อต้านจีนจากฮ่องกง 

ปี ชีหง (Bi Shihong) ศาสตราจารย์จากศูนย์ศึกษาการทูตเพื่อนบ้านของจีนและโรงเรียนการศึกษาระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยยูนนานกล่าวกับโกลบอลไทม์สว่า ความป่าเถื่อนในวันอาทิตย์เป็นการโจมตีโรงงานในจีนหลายแห่งอย่างชัดเจนว่า ได้รับการจัดระเบียบและมีการไตร่ตรองล่วงหน้าอย่างแน่นอน

เหตุเริ่มตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวซีจีทีเอ็นรายงานว่า มีกลุ่มคนมากกว่า 20 คนเข้าจุดไฟเผาโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า 2 แห่ง ที่เมืองย่างกุ้ง เมื่อช่วงเวลา 13:50 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมียนมา

แหล่งข่าวระบุว่า ผู้ประท้วงได้ขับขี่มอเตอร์ไซต์มาตรงบริเวณโรงงาน พร้อมกับแท่งเหล็ก, ขวาน และน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน ก่อนที่จะวางเพลิงตรงทางเข้า และโกดัง ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วน นัดชุมนุมตรงบริเวณท่อส่งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับจีน พร้อมขู่ว่าจะเผาท่อส่งก๊าซของจีน  เพราะมองว่ารัฐบาลประเทศจีนสนับสนุนการยึดอำนาจของเมียนมาครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำ แต่กลับมาเผาโรงงานทอผ้าแทน

ในวันนี้ 16 มี.ค.2564 สำนักข่าวซินหัวไทยได้รายงานว่า นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนหวังว่าเมียนมาจะดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปกป้องความปลอดภัยของชาวจีนในเมียนมาและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง

จ้าวกล่าวในงานแถลงข่าวขณะตอบคำถามที่เกี่ยวกับเหตุการณ์การฉกชิงทรัพย์สินการทำลายข้าวของ และการโจมตีบริษัทจีนที่อยู่ในเมียนมา หลังทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานทูตจีนในเมียนมาได้ติดต่อไปยังหอการค้ากิจการจีนในเมียนมา (CECCM) และบริษัทที่เกี่ยวข้องทันที พร้อมขอให้ตำรวจท้องถิ่นดำเนินมาตรการที่รัดกุมเพื่อปกป้องความปลอดภัยของธุรกิจและพนักงานจีน

จ้าวกล่าวว่า ทางการเมียนมาได้ส่งตำรวจและกองกำลังดับเพลิงเพิ่มเติมไปยังภูมิภาคดังกล่าวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและรับมือกับสถานการณ์ “จีนจะยังคงเรียกร้องให้เมียนมาใช้มาตรการที่มีผลในเชิงปฏิบัติเพื่อยุติพฤติกรรมรุนแรงทั้งหมด พร้อมทั้งสอบสวนและดำเนินการกับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับรองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของธุรกิจและบุคลากรจีนในเมียนมา”

“เรากำลังติดตามสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมาอย่างใกล้ชิดและเรากังวลอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยของสถาบันและบุคลากรจีนที่ได้รับผลกระทบ” โฆษกกล่าว “นอกจากนี้เรายังขอเตือนให้พลเมืองจีนในเมียนมาระมัดระวังตัวให้มากขึ้นและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันด้านความปลอดภัย”

“จีนหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมาจะสงบอารมณ์และมีความยับยั้งชั่งใจ ดำเนินการต่างๆ โดยยึดผลประโยชน์ของชาวเมียนมาเป็นพื้นฐาน จัดการความเห็นต่างผ่านการสนทนาและการปรึกษาหารือภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และส่งเสริมกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยภายในประเทศ” จ้าวกล่าวพร้อมเสริมว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งและการนองเลือดเพิ่มอีก รวมถึงการผ่อนคลายความตึงเครียดและทำให้สถานการณ์สงบลงโดยเร็วที่สุด

จ้าวกล่าวว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-เมียนมาตั้งอยู่บนหลักการของผลประโยชน์ร่วมกันและชัยชนะร่วมกัน ซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเมียนมาและเอื้อประโยชน์ต่อคนท้องถิ่น

“เราขอเรียกร้องให้ประชาชนในเมียนมาแสดงการเรียกร้องในลักษณะที่ชอบด้วยกฎหมาย ปฏิเสธการถูกยุยงหรือถูกใช้ประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการบ่อนทำลายมิตรภาพระหว่างจีน-เมียนมา” จ้าวกล่าว

สื่อจีนเผยโรงงานของนักธุรกิจชาวจีนในย่างกุ้งถึง 32 แห่งถูกบุกโจมตี -วางเพลิงได้รับความเสียหายรวมแล้วกว่าหมื่นล้าน จนรัฐบาลทหารพม่าประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึก หลังสถานทูตจีนขอร้องให้ช่วยคุ้มครอง

วันจันทร์ที่ 15 มี.ค.2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ เกาะติดสถานการณ์นองเลือดและเหตุรุนแรงในเมียนมาที่ทวีมากขึ้นว่า ตามรายงานของ นสพ.แทบบลอยด์ โกลบอล ไทม์สในจีน ระบุ มีโรงงานของนักธุรกิจชาวจีนในเขตอุตสาหกรรมในนครย่างกุ้งถึง 32 แห่ง ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมต้านรัฐประหารบุกโจมตีได้รับความเสียหาย และมีโรงงานบางแห่งถูกวางเพลิงจุดไฟเผาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนทวิตเตอร์ของโกลบอล ไทม์ส (Global Times) ยังอ้างรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในเมียนมาด้วยว่า โรงงานถึง 32 แห่งของนักธุรกิจจีนในเขตอุตสาหกรรมที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมต้านรัฐประหารในเมียนมา บุกโจมตีนั้น มีการประเมินความเสียหายรวมแล้วถึง 240 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,134 ล้านบาท (คิดในอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 4.7 บาท) อีกทั้งยังมีพนักงานชาวจีนได้รับบาดเจ็บ 2 คน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

ส่วนเว็บไซต์โกลบอล ไทม์สพาดหัวข่าวว่า “Perpetrators who violently attacked Chinese factories in Myanmar must be severely punished.”หมายถึง “ผู้กระทำผิดที่โจมตีโรงงานของจีนในเมียนมาอย่างรุนแรง จะต้องถูกลงโทษอย่างจริงจัง” เป็นการออกมาเรียกร้อง ปลุกกระตุ้น ให้ทางการพม่าเร่งหาคนผิดที่ใช้ความรุนแรงต่อโรงงานและคนงานของจีน เอาตัวมาลงโทษอย่างจริงจังให้จงได้ นอกจากนี้ยังได้อธิบายถึง “จุดยืน” ของรัฐบาลจีน ต่อสถานการณ์ในพม่าว่า…จีนก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากบรรดาประเทศในอาเซียน ที่ไม่เพียงแต่ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ยึดอำนาจที่อุบัติขึ้นมาในประเทศพม่า อย่างฉับพลัน อีกทั้งยังเห็นพ้องกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลเฉพาะกาลและกองทัพของเมียนมา เร่งปล่อยตัวผู้นำพลเรือน อย่าง “นางอองซาน ซูจี” หรือประธานาธิบดี “อู่ วิน มินต์” รวมทั้งนักการเมืองที่ถูกจับกุม คุมขัง ในคราวนี้ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจีนและอาเซียนต่างก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเข้าไป “แทรกแซงกิจการภายใน” ของพม่า แบบที่บรรดาประเทศสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกแสดงออกถึงความต้องการเข้ามาแทรกแซงตัดสิน และเร่งผลักดันนานาชาติอย่างชัดเจน

ในด้านสำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานด้วยว่าคณะผู้นำรัฐบาลเฉพาะกาลเมียนมาได้ประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกในหลายเขต รวมถึง เขต Hlaing Thar Yar ในเมืองย่างกุ้ง เมืองเศรษฐกิจและอดีตเมืองหลวงของเมียนมา รวมทั้งในหลายพื้นที่ของเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ภายหลังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมาได้ขอร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาให้ความคุ้มครองปกป้องธุรกิจของนักลงทุนชาวจีน รวมทั้งรับประกันความปลอดภัยให้แก่ธุรกิจ และชีวิตของพลเรือนชาวจีนด้วย