ย้อนคำสั่งลายอมเสียสละชีวิต แต่แม่บอกตอนนี้น้ำในคุกสกปรก ลูกมีตุ่มแดงขึ้น

4306

จากที่วานนี้ (15 มี.ค. 2564) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท แกนนำราษฎรนนทบุรี หนึ่งในจำเลย ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการพิจารณาคดีว่า ภายในห้องพิจารณาคดี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน

ได้ขออนุญาตแถลงต่อศาลถึงความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่ศาลไม่อนุญาตให้พูดในที่เปิดเผย จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น เพนกวินจึงประกาศความอึดอัดใจว่าเหตุใดศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน โดยเทียบเคียงกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิดแต่ได้ประกันตัว และไม่ต้องตัดผม

พร้อมประกาศขอประท้วงด้วยการอดข้าว ดื่มแต่น้ำ จนกว่าจะได้รับการประกันตัว และยืนยันว่าหากตนเอง เพนกวิน ถูกกระทำการใด ๆ ที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน อาทิ ถูกทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ ขอให้ประชาชนภายนอกเรือนจำลุกขึ้นสู้ต่อรัฐเผด็จการ อีกทั้งมวลชนหนึ่งคนได้นำปัสสาวะขว้างหน้าบัลลังค์ศาล จากนั้น เจ้าหน้าที่ศาลได้นำตัวเพนกวิน ออกจากห้องพิจารณา

โดยต่อมามีรายงานว่า นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์หลังการร่วมฟังพิจารณาคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ว่า วันนี้ได้กอดลูกชายอยู่หลายครั้ง ตอนที่เพนกวินประกาศว่าจะมีการอดอาหาร ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจมาก เพราะกังวลเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว แต่ก็ได้เพียงหวังว่าเพนกวินจะอยู่ได้และทำตามเจตนารมณ์ได้สำเร็จ

ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเพนกวินเองก็มีการบอกแม่มาเสมอว่าจะเสียสละด้วยชีวิตของตัวเอง เพนกวินพูดคุยกับแม่ว่าในขณะที่อยู่ในเรือนจำไม่รู้ว่าจะต้องแสดงสัญลักษณ์การเรียกร้องอย่างไร จึงเลือกวิธีนี้เพราะเป็นหนึ่งในสันติวิธี หากถามถึงความกังวล เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็กังวลถ้าลูกตัดสินใจใช้วิธีนี้ เพราะปกติแล้วการใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมาก และจากที่หลายคนได้สังเกตวันนี้ พบว่าตามตัวของเพนกวินมีตุ่มแดงขึ้น ซึ่งเพนกวินเองก็ได้บอกว่าน้ำในเรือนจำนั้นไม่สะอาด แม่เลยจะเตรียมน้ำสะอาดเข้าไปให้เพนกวินไว้ใช้

ส่วนเรื่องการประกันจะมีการพูดคุยกับทนายความอีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาไม่เคยนับเลยว่าได้ยื่นขอประกันไปกี่ครั้งแล้ว แต่ยืนยันว่าจะยื่นประกันลูกชายต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วอยากให้เพนกวินได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก เพราะกังวลเรื่องเรียนและเรื่องสอบ เพราะเพนกวินเองยังอยู่ในสถานะนักศึกษา และเพนกวินได้ร้องขอหนังสือ แม่จึงเตรียมส่งหนังสือไปให้ลูกได้อ่านในเรือนจำ ซึ่งการที่เพนกวินได้อ่านหนังสือเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จิตใจของเขาสงบด้วย

“การอ่านหนังสือในเรือนจำถือว่าเป็นเรื่องยาก ไม่มีสถานที่ที่เหมาะสมไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สะดวกแต่แม่ก็จะเตรียมส่งหนังสือให้เรียน ไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่เพนกวินชื่นชอบ การที่เพนกวินได้อ่านหนังสือเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จิตใจของเขาสงบ” นางสุรีย์รัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเคลื่อนไหวจากทางด้านเพจ “ราษฎร” ที่โพสต์ข้อความคำแถลงของพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่ลุกขึ้นอ่านต่อคณะผู้พิพากษา ระบุว่า ถึงผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติทุกท่าน

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่โหดร้ายป่าเถื่อนและล้าหลัง ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ และยังแต่ความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศชาติและ… กฎหมายมาตราดังกล่าวตีตราให้การวิพากษ์วิจารณ์…เป็นความผิด แม้ว่าข้อความวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงก็ยังเป็นความผิด และยังมีบทลงโทษรุนแรง จำคุกได้สูงสุดถึง 15 ปี นับเป็นกฎหมายที่ฝืนต่อกฎแห่งธรรมชาติทั้งปวง ไม่มีสิทธิไม่มีเสียงจะพูดเพื่อความเป็นธรรมของตน  และยังถือเป็นการบีบความคิดและทรมานสิทธิเสรีภาพของคนไทยอย่างทารุณ ไม่ต่างกับการตอกเล็บบีบขมับ ซึ่งเป็นวิธีการลงทัณฑ์ผู้เห็นต่างทางการเมืองในยุคโบราณ

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังเป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด ในช่วงทศวรรษแห่งความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา มาตรา 112 ถูกใช้เป็นอาวุธทิ่มแทงทำร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลัง พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นปีที่เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างเหตุก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย มีผู้คนหลายร้อยคนที่รักชาติ หวงแหนประชาธิปไตย และไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ

ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อท่านผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติว่า ในเมื่อสถาบันตุลาการมีหน้าที่ระงับความขัดแย้งโดยการอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน เพราะเหตุใด ท่านจึงสร้างความขัดแย้งโดยการร่วมกับเผด็จการปล้นความยุติธรรมไปจากมือประชาชน และในเมื่อศาลสถิตยุติธรรม เป็นสถานที่แห่งความจริงที่จะต้องนำความจริงมาพิสูจน์ เหตุใดท่านจึงจองจำความจริงไว้ ไม่ให้ความจริงได้ประกันตัวออกไปพิสูจน์ตนเอง หรือพวกท่านจะเกลียดชังและหวาดกลัวความจริงจนต้องรีบนำความจริงไปคุมขังไว้ให้เกิดความทรมาน และหวังว่าความทุกข์ทรมานนั้นจะสามารถบดขยี้ความจริงให้แหลกสลายไปได้

แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ไม่ว่าท่านจะจับข้าพเจ้าไปคุมขังให้เกิดความทุกข์ทรมานมากเพียงใด ความทุกข์ทรมานนั้นก็ไม่อาจทำลายความจริงได้ ข้าพเจ้าจึงยินดีที่จะรับความทุกข์ทรมานที่พวกท่านจะยัดเยียดให้ และจะยังขอทรมานตนเองเพิ่มด้วย ดังนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะขออดอาหาร ประทังชีพด้วยน้ำ น้ำหวาน และนมเท่านั้น ไปจนกว่าท่านจะคืนสู่สามัญสำนึกโดยการคืนสิทธิประกันตัวสู้คดีให้กับข้าพเจ้า ให้กับผู้กล่าวหาคดีมาตรา 112 และให้กับผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองทุกคน หรือจนกว่าชีวิตของข้าพเจ้าจะหาไม่

ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาจะปลิดชีวิตของตน แต่จะขอทรมานตนเอง เพื่อให้ความทรมานที่เกิดกับข้าพเจ้าเป็นประจักษ์พยานแห่งความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เป็นประกายไฟสะกิดมโนสำนึกของพวกท่าน และเป็นข้อพิสูจน์ว่าความจริงไม่เกรงกลัวต่อความทุกข์ทรมานใด ๆ หากข้าพเจ้าต้องสละชีวิตลง ข้าพเจ้าก็ยินดีสละ เพื่อวันหนึ่งประเทศของเราจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112  ไม่มีใครต้องตกเป็นนักโทษทางการเมือง และ 3 ข้อเรียกร้องจะบรรลุเป็นจริง ประเทศไทยจะได้เป็นของคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาคโดยสมบูรณ์