สืบเนื่องจากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ กับโรงงานหมิงตี้เคมีคอล ในย่านกิ่งแก้ว สมุทรปราการ จนส่งผลให้เกิดแรงระเบิด และบ้านเรือนในละแวกนั้นล้วนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง
และต่อมาได้มีประเด็นในโลกออนไลน์ เมื่อเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการนำเฮลิคอปเตอร์มาใช้ดับเพลิงในกรณีที่รุนแรงจากสารเคมี ว่ามีเพียง 2 ลำ เท่านั้น และยังได้แชร์คลิปที่เมื่อปี 2563 ส.ส.เพื่อไทย ได้คัดค้านเรื่องการซื้อเฮลิคอปเตอร์ K-32 ด้วย
โดยในเฟซบุ๊ก “ซึ่งต้องพิสูจน์” ได้เผยแพร่วิดีโอคลิป อภิปรายงบประมาณปี 64 เมื่อ 3 ก.ค. 2563 “วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย” ค้านการจัดซื้อ ฮ.KA-32 ดับไฟ เพิ่ม “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ชี้เเจงถึงความจำเป็น การจัดซื้อ ฮ.KA-32 ดับไฟ เพิ่ม พร้อมอธิบายเพิ่มเติม ว่า
1. เฮลิปคอปเตอร์ KA-32 ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งซื้อ มา 2 ลำในยุค คสช. ซึ่งก็คือ 2 ลำ ที่ไปปฏิบัติภารกิจที่กิ่งแก้ว และยังเคยไปช่วยดำไฟป่าในหลาย ๆ พื้นที่
2. และในปีงบประมาณ 2564 ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย มีการตั้งเป้าหมายว่าต้องการขอซื้อ เฮลิปคอปเตอร์ KA-32 อีก 6 ลำ
3. แต่ที่ทาง นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเฮลิปคอปเตอร์ KA-32 เพิ่ม โดยบอกว่า ไปใช้เฮลิคอปเตอร์ของทางกองทัพในการดับไฟก็ได้
4. ทางรมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องขอซื้อเฮลิปคอปเตอร์ KA-32 เพราเถ้าเกิดไฟไหม้ ตึกสูง ๆ ใน กทม. จะทำให้ง่ายต่อการดับไฟ และถ้าจะไปใช้เฮลิคอปเตอร์กองทัพในการดับไฟทำได้ แต่เฮลิคอปเตอร์กองทัพทำได้แค่ขนน้ำ ลงไปเท แต่เฮลิปคอปเตอร์ KA-32 สามารถเก็บน้ำไว้ในเครื่องได้เลย และสามารถยิงน้ำให้ตรงเป้าได้แม่นยำกว่า แต่สาเหตุที่ต้องตั้งเป้าว่าจะซื้อเฮลิปคอปเตอร์ KA-32 จำนวนทั้งสิ้น 6 ลำ ก็เพื่อเอาไว้ใช้สับเปลี่ยน หมุมเวียน ยกตัวอย่าง นำไปใช้งาน 4 ลำ เเล้ว อีก 2 ลำ ก็นำมาซ่อมดูแลรักษา
5. ทั้งนี้เมื่อ 19 พฤษภาคม 2563 นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ออกประกาศ ประกวดราคาซื้อโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับกองทัพบก ในการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (Helicopter) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย (ระยะที่ 2) จำนวน 2 ลำ
ทั้งนี้คลิปดังกล่าว ได้มีการอภิปรายไว้ในปี 2563 และจากเหตุการณ์ดับไฟที่โรงงานกิ่งแก้ว ก็ได้สะท้อนให้เห็นความสำคัญของ ฮ. รุ่นนี้ ว่ามีประสิทธิภาพสูงเพียงใด เพราะในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ไม่สามารถใช้นักดับเพลิงได้นั้น ก็จะมีเครื่องมือสำคัญไว้รับมือได้
ล่าสุดมีรายงานว่า ทางด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากกรณีที่รายการ “คุยถึงแก่น” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT ดำเนินรายการโดยนายปรเมศร์ ภู่โต และน.ส.นันทิญา จิตตโสภาวดี ได้นำเสนอคลิปที่ตนอภิปรายในสภาฯ เมื่อปี 2563 นำมาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเม็ดโฟม จ.สมุทรปราการ ในลักษณะติติงที่ตนเป็นเหตุในการตัดงบประมาณ และคัดค้านไม่ให้มีการซื้อเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง KA-32
ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 2 ลำ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้า ขอให้เตรียมรับหมายได้เลย เพราะตนจะดำเนินการฟ้องร้องพิธีกรทั้ง 2 รายดังกล่าว ยืนยันว่าตนไม่มีสิทธิ์ไปตัดงบฯ เชื่อว่าเป็นไอโอของรัฐบาล และต้องมีคนสั่งการ ไปรับงาน ไปรับจ็อบมาให้ดำเนินการแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการเชื่อมโยงไปถึงระดับบรรณาธิการข่าว ไปจนถึงกระทั่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการด้วย
“2 พิธีกรดังกล่าว ไม่ควรมาจัดรายการข่าวแบบนี้ ควรไปทำงานของกองโฆษกรัฐบาลดีกว่า และไม่น่าทำเพราะถือว่านำภาษีของประชาชนมาทำลายฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ จริยธรรมสื่ออยู่ไหน ขอเรียกร้องให้สื่อช่วยกับควบคุม ไม่ได้ฟ้องร้องเพื่อต้องการเอาชนะ ไม่ได้เจ็บแค้นส่วนตัว เพราะไม่ได้รู้จัก2พิธีกรเป็นการส่วนตัว แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานจริยธรรมสื่อ ไม่ใช่สักแต่จะอ่านข่าว นำวาทกรรมทางการเมืองที่ระบุว่า ซื้อ ฮ.ตกไปเพราะผม รัฐบาลทำงานช้าก็มาโทษฝ่ายค้าน และผมขอเรียนว่า จริง ๆ แล้ว ฮ.ได้ขอมา 4 ลำ แต่ถูกตัดไป 2 ลำ และกมธ.งบฯ ปี 64 เป็นผู้ตัด ไม่ใช่ผมตัด”