จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…มวลชนกลุ่ม REDEM นัดหมายเดินขบวนขับไล่เผด็จการ! ในวันที่ 28 กุมภา รวมตัว 15.00 เป็นต้นไปจาก “อนุสาวรีย์ชัย” ไป “บ้านพักหลวงประยุทธ์” (ค่ายกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว)
นี่คือการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งสังคมนิยมประชาธิปไตยเพื่อคนเท่ากัน จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์ ปลดแอกประชาธิปไตยขับไล่ทหารออกจากการเมือง เอาชนะความจนด้วย “รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า” เพื่อการปลดแอกที่แท้จริง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ มวลชนจะเป็นผู้ตัดสินใจร่วมกัน! ไม่มีแกนนำ ไม่มีรถห้องน้ำ ไม่มีการ์ด ไม่มีรถเวที มีเพียงมวลชนที่ไม่ใครอาจหยุดกั้น!
ในเวลา 23.30 น.ที่จะถึงนี้ ขอเชิญชวนทุกคนร่วมกันโพสต์โปสเตอร์นี้กันอย่างพร้อมเพรียง เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นของทุกคน อนาคตของประเทศอยู่ในมือเรา จะจมปลักหรือจะปลดแอก? แล้วพบกัน!
ทั้งนี้ สำหรับข้อเรียกร้องของ REDEM มีทั้งหมด 3 ข้อ โดยทางกลุ่มระบุว่าได้อ้างอิงมาจากการโหวตของประชาชนในกลุ่มเทเลแกรม ประกอบด้วย 1.จำกัดอำนาจสถาบัน 2.ปลดแอกประชาธิปไตย ขับไล่ทหารออกจากการเมือง และ 3.ลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า (ไม่ใช่สวัสดิการแบบชิงโชค)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล การถึงการรเตรียมรับมือการนัดเดินขบวนของกลุ่มเยาวชนปลดแอก แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ที่นัดเดินจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ วันที่ 28 ก.พ.นี้ ว่าเตรียมกำลังพลไว้เบื้องต้นประมาณ 4 กองร้อย แบ่งเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่จริง 2 กองร้อย และสำรองอีก 2 กองร้อย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว ทั้งเรื่องจำนวนผู้ที่จะมาชุมนุมและความเสี่ยงต่อมือที่สาม ที่อาจเข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง
“ยอมรับว่ายังไม่ตัดสินใจเรื่องการเตรียมอุปกรณ์ปิดกั้นเส้นทางว่าจำเป็นต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ปิดกั้นเส้นทางไปในกรมทหารราบที่ 1 เหมือนกับครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะการวางเครื่องกีดขวางจะใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้ชีวิตตามปกติ”
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวต่อว่ามีความกังวลเรื่องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เนื่องจากการชุมนุมระยะหลังมีการใช้วัตถุระเบิดมากขึ้น อีกทั้งข้อความที่มีการเชิญชวนก็คล้ายต้องการสื่อให้เห็นว่าอาจมีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นด้วยจึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลการข่าวต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนกำหนดวางมาตรการรับมือที่เหมาะสมต่อไป
