เปิดชัด ทางรอดสุดท้าย 3 รมต. จะได้อยู่ต่อ หรือหลุดจากตำแหน่ง

5200

ลุ้นตัวเกร็ง!! ศาลฯพิจารณามีความผิด คดีขัดขวางการเลือกตั้ง เปิดชัด ทางรอดสุดท้าย 3 รมต. จะได้อยู่ต่อ หรือหลุดจากตำแหน่ง!!

จากที่วันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. ชุดใหญ่สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 39 คน

ทั้งนี้ทั้งหมดเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และข้อหาอื่นๆ ซึ่งอัยการโจทก์ยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 โดยนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน

สำหรับจำเลยคดีนี้มีทั้งสิ้น 39 คน ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 3. นายชุมพล จุลใส 4. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5. นายอิสสระ สมชัย 6. นายวิทยา แก้วภราดัย 7. นายถาวร เสนเนียม 8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10. นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก

11. พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 12. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 13. นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 14นายถนอม อ่อนเกตุพล 15. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 16. นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ 17. นายสาธิต เซกัล 18. นางสาวรังสิมา รอดรัศมี 19. พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี

20.พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ 21. นายแก้วสรร อติโพธิ 22. นายไพบูลย์ นิติตะวัน 23. นายถวิล เปลี่ยนศรี 24. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 25. นายมั่นแม้น กะการดี 26. นายคมสัน ทองศิริ 27. พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 28. นายพิภพ ธงไชย 29. นายสาวิทย์ แก้วหวาน 30.นายสุริยะใส กตะศิลา 31. นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด

32.นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ 33.นายสำราญ รอดเพชร 34.นายอมร อมรรัตนานนท์ 35. นายพิเชฐ พัฒนโชติ 36. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด 38.นางทยา ทีปสุวรรณ 39 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

โดยคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 – 1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อัน มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” หรือ กลุ่ม กปปส.

“มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ

โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง สส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.”

จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สตช. บช.น. สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้

“รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่งเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค.- 2 มี.ค. 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด

ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน”

โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152

ด้านนายสุเทพ กล่าวด้วยว่า จำเลยทั้ง 39 คน ได้พูดคุยกัน และทำใจไว้แล้วไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร พวกเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง วันนี้พวกเรามาครบ การต่อสู้ของพวกเราที่ผ่านมามี 24 คนที่เสียชีวิต กว่า 900 คนบาดเจ็บ มีผู้เสียอวัยวะ บางคนก็ถูกลงโทษจำคุก ดังนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่การต่อสู้ของพวกเราเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นการกระทำที่รับผิดชอบ ไม่ได้ต้องการฝ่าฝืนกฎหมาย เราเคารพกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม น่าชื่นใจมากทุกกรณีทุกจังหวัดที่พวกเราถูกดำเนินคดี ไม่มีใครหลบหนีคดี

นอกจากนี้นายสุเทพ ยังกล่าวขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจ ทั้งกำลังใจผ่านออนไลน์ และประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจมอบดอกไม้ให้ที่ศาล ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจสำหรับคนที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเพื่อแผ่นดินต่อไป

โดยในเบื้องต้น ศาลฯได้อ่านคำพิพากษาความผิดในขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความผิด แต่ศาลฯยังไม่ทำการตัดสินโทษ

ซึ่งทำให้เป็นที่น่าจับตามองในขณะนี้ เห็นทีจะเป็น 3 จำเลยคนสำคัญ ที่นั่งแท่นรัฐมนตรี คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมต.ศึกษาธิการ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมต.ดิจิทัลฯ และ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม

เนื่องจากว่าทั้ง 3 รมว. มีโอกาสสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 182 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หากศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หรือแม้แต่ว่า ศาลฯได้ตัดสินจำคุกโดยให้รอลงอาญาก็ตาม

ถึงอย่างไรก็ตาม 3 รมว. ยังมีโอกาสและทางรอดคือ หากว่า ศาลฯพิจารณาแล้วตัดสินว่าให้รอการกำหนดโทษคดีอาญา มาตรา 56 โดยบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาล จะลงโทษจำคุกไม่เกินสองปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมา ก่อนหรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความ ผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

เมื่อศาลได้คำนึง ถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรมสุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัยอาชีพและสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือเหตุอื่นอันควรปราณีแล้ว เห็นเป็นการสมควรศาลจะพิพากษาว่า

ผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้ หรือกำหนดโทษแต่รอการ ลงโทษไว้ แล้วปล่อยตัวไปเพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลา ที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดย จะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้