ปกป้องชาติ ไม่ต้องประดับยศฐา ดร.อานนท์ ทำตามคำมั่น หลังผู้ใหญ่เสนอตำแหน่งใหญ่ระดับชาติ แต่ขอปฏิเสธ

6371

ถือเป็นข่าวดีที่เกิดขึ้นกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) หรือ “ดร.อานนท์” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า เมื่อเช้านี้ผมได้รับการทาบทามให้ไปรับการสรรหาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับชาติตำแหน่งหนึ่ง

ที่สำคัญมากกับประเทศไทย แต่ผมไม่ได้ทำงานด้านนั้นเลย แต่เคยทำงานกับอาจารย์อาวุโสผู้รู้จริงในเรื่องนั้น ๆ ทั้งเป็นคนรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ และยอมที่จะทำงานหนักแม้จะอาวุโสมากแล้วก็ตาม ยัง active และปราดเปรื่อง

ผมใคร่ครวญดูแล้ว ผมเห็นว่าท่านอาจารย์เหมาะสมกว่าผมในการได้รับการเสนอชื่อสรรหาด้วยประการทั้งปวง หากประเทศไทยได้อาจารย์ไปทำงานนี้จะเป็นประโยชน์กับทางราชการและประเทศชาติมากเหลือเกิน เลยขอปฏิเสธกับผู้ที่มาทาบทามไปตรง ๆ และเสนอคุณสมบัติของอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านนี้ไป พร้อมกับขอให้ไปเรียนรัฐมนตรีที่จะเสนอชื่อ และได้โทรไปทาบทามอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านนี้ด้วยตัวผมเอง ท่านบ่ายเบี่ยงว่าอายุมากแล้ว แต่ผมยืนยันว่าเหมาะสม สุดท้ายท่านก็ใจอ่อนยอมรับการสรรหาเพื่อไปทำงานรับใช้ชาติครับ

ทั้งนี้จากการเล่าเรื่องราวของดร.อานนท์ ได้สะท้อนถึงความดีงามในตัวตน ที่เห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่รับหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่ตนเองไม่ถนัด แต่เลือกให้คนที่เข้าใจ และมีความรู้อย่างถ่องแท้มารับหน้าที่นี้แทน หากเปรียบกับคนอื่น ที่เมื่อได้โอกาสดี ๆ เช่นนี้ อาจจะรีบคว้าไว้

เหมือนกับเหตุการณ์ครั้งที่ดร.อานนท์ ได้ดีเบตกับรุ้ง ปนัสยา ได้ออกมาปกป้องเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ความเข้าใจเรื่องของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกแกนนำราษฎรนำไปบิดเบือน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าด้วยว่า ครั้งนั้นที่จะได้เฝ้ารับเสด็จในหลวง ดร.อานนท์กำลังหาเครื่องแบบขอเฝ้าให้ครบถ้วน ได้รบกวนเจ้าหน้าที่ที่นิด้าช่วยขอยืมเครื่องหมายต่าง ๆ ผมมีชุดขอเฝ้าที่ไม่เคยใส่ และไม่รู้จะแต่งตัวยังไง ให้ถูกต้องเรียบร้อยที่สุด ผมเพิ่งได้รับบัตรเชิญจากสำนักนายกรัฐมนตรีให้ไปเฝ้ารับเสด็จในวันที่ 5 ธันวาคม นี้

ตอนแรกผมเข้าใจว่าใส่เสื้อเหลืองธรรมดา ปรากฎว่าให้ใส่เครื่องแบบชุดขาวขอเฝ้า ปัญหาคือตอนตัดชุดนั้นอ้วนกว่านี้ ตอนนี้ผอมลง ไม่รู้จะสวมได้หรือไม่ แต่ไม่เป็นไร รัดเข็มขัดแน่น ๆ ก็คงพอไหวครับ และการแต่งตัวให้ดี ให้ถูกต้องก็เป็นการถวายพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ ตื่นเต้นมากครับ ไม่ว่าจะชุดขาวขอเฝ้า (เนื่องจากเป็นพนักงานของรัฐ) หรือประชาชนใส่ชุดเหลือง เราต่างมีศูนย์รวมดวงใจดวงเดียวกัน ขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกคนเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยพร้อมเพรียงกันนะครับ


ที่ผ่านมาเราจะเห็นดร.อานนท์ ออกมาฟาดกับพวกม็อบ 3 นิ้ว ที่ลามปามจาบจ้วงสถาบัน ยิ่งทำให้รู้ว่า ดร.อานน์ มีหัวใจที่รักชาติ บ้านเมือง และจงรักภักดีพร้อมปกป้องสถาบันอย่างมาก โดยมีคำพูดบางตอนของดร.อานนท์ เปิดเผยด้วยว่า “ผมไม่ไปออกรายการทีวีใด ๆ เป็นสัปดาห์ เพราะว่าผมต้องการให้มันจบ ผมไม่ได้อยากดัง ไม่ต้องการเป็นข่าว เพราะผมถือว่าผมทำหน้าที่ของผมในฐานะประชาชนที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เต็มที่แล้ว

ประเด็นที่โจมตีผมในเรื่องส่วนตัวที่ไม่จริง เป็นการหมิ่นประมาท ก็กำลังเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อไป

อันที่จริงก็ว่าจะนิ่งเฉยๆ นะครับ แต่ประเด็นนี้ที่ต้องออกมาโต้ เพราะผมต้องการปกป้องพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดิน

ด้วยคนเหล่านี้บางคน ไปกล่าวหาว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงหลอกใช้ผม หรืออะไรต่างๆ นานา ที่ต่างไม่เป็นความจริงเลย
คนเหล่านี้คงไม่เข้าใจคำว่าใจจงรักภักดีเป็นเช่นไร

ผมทำทุกอย่างถวายด้วยตัวผมเอง ด้วยความบริสุทธิ์ใจและไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

การที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรีเชิญให้ไปเข้าเฝ้ากลางสนามหลวง ผมก็ตื่นเต้นดีใจวิ่งหาชุดขาวและเครื่องหมาย แต่เมื่อมาคิดอีกที คิดว่าไม่ควรไป

เพราะมีนักการเมืองมากมายเหลือเกิน และผมไม่ได้อยากได้ดีทางการเมืองแต่อย่างใด

ผมพยายามห่างพรรคการเมืองและนักการเมืองมากที่สุด เพราะหากผมไปใกล้ชิดพรรคการเมืองหรือนักการเมืองใดๆ ก็จะกลายเป็นว่าผมเข้าข้างหรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มใดพวกใด

ผมอยากไปเข้าเฝ้าในฐานะพสกนิกร ที่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์มองไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ

เพราะหากล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้ว หากทรงมีปฏิสันถารกับผม ก็จะกลายเป็นว่าล้นเกล้าทั้งสองพระองค์จะต้องเสียหาย

คนที่ไม่ปรารถนาดีกับล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ก็จะกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ว่าทรงสั่งให้ผมไปดีเบต

กลายเป็นว่าคนบางคนจ้องจะใส่ร้ายล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสียอีก

ผมเลยดีใจเสียอีกที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จปะปนไปกับประชาชนในฐานะพสกนิกรก็พอแล้ว ไปเข้าเฝ้าเพื่อให้พระองค์ท่านได้เห็นว่ามีประชาชนมากมายมาเข้าเฝ้าถวายกำลังพระทัย

และแสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนิกาธิเบศร ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ภาพในหลวง ร.9 โบกพระหัตถ์จากการจัดแสดงโดยโดรน ทำให้ผมน้ำตาซีมกลางสนามหลวง

ผมไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะเข้าใจคำว่าใจจงรักภักดีเป็นอย่างไร

คนไม่เคยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเลยเล่าเหตุไฉนจะเข้าใจจิตใจของใจจงรักภักดีที่พร้อมจะถวายโดยไม่ได้ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น ”