WHO ลั่นจะไม่มีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอต่อประชากรทั้งโลก ต้องใช้ชีวิตวิถีใหม่ ถึงปี 65

2132

สืบเนื่องจากกรณีที่หมอธีระ ได้โพสต์ข้อความ เตือนเรื่องสถานการณ์โควิดทั่วโลกและในประเทศไทย ว่าขณะนี้เชื้อไวรัสแพร่เชื้อได้ง่าย รวดเร็ว และยิ่งในพื้นที่คนเยอะ ยิ่งสุ่มเสี่ยง ขนาดที่ว่าคนติดเชื้อที่พบในบ้านเรา ยังวางใจไม่ได้ว่าเชื้อมาจากไหน

ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมากมายหลายประเทศก็กำลังปั่นป่วนกับการระบาดหนักยังคุมไม่ได้ ปัจจัยสำคัญมาจากการดำเนินชีวิตของประชาชน และการเปิดเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้คือสายพันธุ์ G ซึ่งมาแทนที่สายพันธุ์ดั้งเดิมจากจีน

มีงานวิจัยที่เคยเล่าให้ฟังไปหลายครั้งแล้วว่า สายพันธุ์ G นี้แพร่เร็วกว่าพันธุ์ดั้งเดิม 4-100 เท่า ล่าสุดมีงานวิจัยเพิ่มเติมที่ศึกษาความเร็วในการแบ่งตัวของไวรัส พบว่าสายพันธุ์ G แบ่งตัวไวกว่าพันธุ์ดั้งเดิมถึง 22% (เพิ่มจำนวนไวกว่าสายพันธุ์เดิม 1.22 เท่า) เราจึงไม่แปลกใจว่า เหตุใดระบาดระลอกสองของหลายประเทศทั่วโลกจึงหนักกว่า เร็วกว่า คุมได้ยากกว่า ใช้เวลานานกว่า และส่งผลกระทบวงกว้าง แม้แต่ประเทศโซนยุโรปก็ยังวิกฤต ถึงจะมีวัคซีนหลายแห่งออกมาแล้วก็ตาม ยังวางใจและจะประมาทไม่ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อาจารย์หมอจุฬาฯ ย้ำไทยเสี่ยงสูง รับไวรัส สายพันธุ์ G เปิดรับนทท.เมื่อไหร่ ไม่รอดเชื้อโควิดรอบ 2

ล่าสุดนางโซเมีย สวามีนาทัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เปิดเผยว่า อาจจะไม่มีวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพียงพอให้มนุษย์โลกกลับไปใช้ชีวิตปกติจนถึงปี 2565

หัวหน้านักวิจัยรายนี้ กล่าวว่า โครงการริเริ่มโคแว็กซ์ของการอนามัยโลกจะรวบรวมวัคซีนให้ได้หลายร้อยล้านโดสภายในกลางปีหน้า เพื่อให้ 170 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการนี้ มีวัคซีนแจกจ่ายให้ประชาชนของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม วีคซีนจำนวนร้อยล้านโดสนี้ยังถือว่าน้อยมาก จนทำให้ทั้งโลกยังต้องคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากอนามัย ไปจนกว่าจะผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายที่ 2,000 ล้านโดสในสิ้นปี 2564

“ที่หลายคนมองภาพว่าเดือน ม.ค. ปีหน้า เราจะมีวัคซีนให้กับทั้งโลก และทุกอย่างจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกตินั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน”

“การประเมินที่ดีที่สุดของเราก็คือวัคซีนจะเริ่มออกมาได้ในกลางปี 2564 เพราะช่วงต้นปี 2564 เราจะเริ่มเห็นผลการทดสอบวัคซีน” ขณะที่ทางการจีนเพิ่งประกาศเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) ว่าจะเริ่มนำวัคซีนมาใช้กับประชาชนทั่วไปได้เร็วที่สุดในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. นี้