จีนเฉ่งสหรัฐ!?เลิกเป็นบ่างช่างยุ ร้องฟังคำขอรัสเซียเรื่องยูเครน หยุดเสี้ยมโอลิมปิก โลกแข่งกีฬาเพื่อสามัคคี

1162

จีนเตือนสหรัฐฯ ให้ยุติการแทรกแซงการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวและเลิกเล่นกับไฟเรื่องไต้หวัน เลิกสร้างกลุ่มต่อต้านจีน นอกจากนี้ได้ขอให้รับฟังคำเรียกร้องของรัสเซียอย่างจริงจัง เพื่อเร่งแก้ไขความตึงเครียดในยูเครน เพราะกระทบทั้งโลก ฉุดการฟิ้นฟูเศรษฐกิจท่ามกลางโควิดยังระบาด อีกด้านสหรัฐตอบกลับรัสเซียว่าไม่อาจยอมตามเงื่อนไขงดรับยูเครนเข้านาโต และในทางพฤติกรรมเร่งขยายจุดติดตั้งขีปนาวุธปิดล้อมรัสเซีย ในขณะที่ตีปี๊บว่ารัสเซียจะบุกยุเครนทุกวันทุกเวที

 

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565 สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และเอเอฟพี รายงาน อ้างถ้อยแถลงของหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ.และมนตรีแห่งรัฐของจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันเดียวกันนี้ โดยเตือนให้สหรัฐฯ ยุติการแทรกแซงการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวของจีน หลังจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตก คว่ำบาตรจีนจากปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) และกรณีไต้หวัน

แถลงการณ์อ้างคำพูดของหวัง ที่ระบุว่า “สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้คือ สหรัฐควรหยุดแทรกแซงโอลิมปิกฤดูหนาว”และ “หยุดเล่นกับไฟ” ในประเด็นไต้หวันด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน โดยจีนมองว่าข้อกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซียนั้นสมเหตุสมผล และเรียกร้องต้องให้สหรัฐฯพิจารณาข้อเรียกร้องของรัสเซีย ในการห้ามยูเครนเข้าเป็นสมา ชิกนาโต และให้นาโตถอนทหารและขีปนาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากพื้นที่ยุโรปตะวันออก ตลอดจนให้สหรัฐฯ ยกเลิกความคิดแบบสงครามเย็น ใช้การเจรจาเพื่อสร้างกลไกด้านความมั่นคงในยุโรปที่สมดุล มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

คำแถลงของทางสหรัฐเกี่ยวกับการสนทนาของทั้งคู่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นโอลิมปิก แต่เน้นประเด็นยูเครนเป็นหลัก โดยกล่าวว่า รัฐมนตรีบลิงเคนได้เน้นย้ำเรื่องความมั่นคงของโลกและความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการรุกรานเพิ่มเติมของรัสเซียต่อยูเครน และว่า การลดระดับความรุนแรงและการทูตเป็นหนทางที่จะเดินหน้าอย่างรับผิดชอบ

รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ทำเนียบเครมลินไม่ประทับใจนักกับการตอบกลับของสหรัฐ ซึ่งดูเหมือนไม่ได้รับฟังหรือแสดงออกซึ่งความใส่ใจต่อข้อห่วงกังวลของรัสเซีย ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวว่า เอกสารเหล่านี้อยู่กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แล้ว และต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์  แต่ความจริงคือสหรัฐร้องขอไม่ให้รัสเซียเปิดเผยรายละเอียดเอกสารตอบกลับของสหรัฐแก่สาธารณะ ยิ่งปิดบังยิ่งอยากรู้

การสนทนาทางโทรศัพท์ของหวังกับบลิงเคน ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นไปเพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและวิกฤตยูเครน หวังเตือนระหว่างการสนทนาว่าสหรัฐฯ ควรใช้การตอบสนองเชิงบวกของปธน. โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดเสมือนจริงระหว่างจีน-สหรัฐฯ ครั้งที่แล้วในเดือนพฤศจิกายน 2564 

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้สถานทูตและสถานกงสุลของตนอนุญาตให้พนักงานออกนอกประเทศจีนได้ โดยอ้าง “มาตรการรับมือสถานการณ์โรคระบาดของจีน” ก่อนโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง 

ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนเชื่อว่าเป็นกลวิธีที่มีเจตนาร้าย เผยให้เห็นเพียงเจตนาที่แท้จริงของวอชิงตันในการบ่อนทำลายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวและนโยบายของจีนที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของวอชิงตัน

หวังกล่าวว่าการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือแบบ win-win เป็นหลักการ 3 ประการในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในยุคใหม่ ซึ่งปธน.สี จิ้นผิง ของจีนกล่าวในการประชุมเสมือนจริงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล่วกับปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯ คำพูดดังกล่าวยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากไบเดน  เขาเน้นว่า“ สิ่งที่โลกได้เห็นก็คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในน้ำเสียงในนโยบายของสหรัฐฯที่มีต่อจีน และจุดยืนของปธน.ไบเดนที่กล่าวไว้ยังไม่ได้รับการดำเนินการอย่างเต็มที่ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในคำพูดและการกระทำที่ผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับจีน”

ลู่ เซียง(Lü Xiang) นักวิจัยจาก Chinese Academy of Social Sciences กล่าวว่าฝ่ายบริหารของไบเดน ไม่น่าจะเปลี่ยนท่วงทำนองการทูตของตนได้ เนื่องจากท่าทีของสหรัฐหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ในการติดต่อกับจีน เนื่องจากได้พยายามเกือบทุกอย่างแล้วเพื่อควบคุมจีน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การกระทำล่าสุดของสหรัฐฯ ในการขัดขวางการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งและการปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่องในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน รวมถึงการไม่เต็มใจที่จะแก้ไขความสัมพันธ์ทางการค้า เท่ากับพิสูจน์ว่าฝ่ายบริหารของไบเดนมีความน่าเชื่อถือต่ำมากทั้งคำพูดและการกระทำ ส่วนใหญ่จะย้อนแย้ง และจีนไม่มีภาพลวงตาว่าสหรัฐฯจะรักษาสัญญาอีกแล้ว

ลู่มองว่าจังหวะของการสนทนาทางโทรศัพท์ของหวังและบลิงเคนนั้นสำคัญมาก และอาจเป็นสัญญาณว่าผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศมีแนวโน้มที่จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งช่วงก่อนหรือหลังตรุษจีน