3 ดร.ดัง ชำแหละ “ทอน” รอดศาลฯ มีบิ๊กข้าราชการหนุนหลัง สุดตกใจคำวินิจฉัย ไม่ให้น้ำหนักการปกป้องสถาบัน

3919

เสรีภาพข้ามเส้น!! 3 ดร.ดัง ชำแหละ “ทอน” รอดศาลฯ มีบิ๊กข้าราชการหนุนหลัง สุดตกใจ “คำวินิจฉัย” ไม่ให้น้ำหนักการปกป้องสถาบัน!!

จากกรณีเมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ พศ.76/2546 ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการเผยแพร่คลิปไลฟ์สดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ได้กล่าวถึงเรื่อง “วัคซีนพระราชทาน” โดยที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยทางศาลได้สั่งยกคำร้อง ที่ให้ระงับการเผยแพร่คลิปเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 โดยให้เหตุผลว่า นายธนาธร มุ่งเน้นการกล่าวหารัฐบาลบกพร่อง ข้อมูลเรื่องผู้ถือหุ้นเป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เป็นประเด็นหลักในการนำเสนอ ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนถึงกับกระทบความมั่นคง

หลังจากนั้นทางด้านของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็นดังกล่าว โดยมองว่าสิ่งที่ นายธนาธร ได้ทำนั้นย่ำยีหัวใจคนทั้งชาติ รวมถึงแวดวงข้าราชการ ก็ยังหนุนหลังการกระทำต่างๆของ นายธนาธร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

แค่หัวข้อที่พูดก็บิดเบือนให้ร้ายอย่างชัดเจน แถมยังเป็นการประดิษฐ์คำขึ้นมาเองลอยๆอีกต่างหาก
วันนี้เราก็ได้เห็นแล้วว่านอกจากพวกม็อบเป็นที่แกนนำหน้าฉากให้กับเขา นักการเมืองของเขาในรัฐสภา รวมถึงสื่อมากมายทั้งบนดินและใต้ดินที่คอยปั่นกระแสให้กับเขา คนของเขายังอยู่ในแวดวงข้าราชการอีกด้วย
เราจะปล่อยให้ขบวนการของเขาย่ำยีหัวใจของเราต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน?

ขบวนการสกปรกโสมมที่มีเงินเป็นตัวขับเคลื่อนนี่หรือคือสิ่งที่เรียกว่า”ประชาธิปไตย”? หรือมันคือ”เผด็จการ”ของคนที่มีเงินมากกว่าคนอื่น แล้วใช้เงินสร้างความแตกแยกเพื่อผลประโยชน์ของตนเองกันแน่?
คนที่เคยประกาศทวงคืนผืนป่าให้คนจน แต่ตนเองและครอบครัวกลับบุกรุกป่าสงวนนับพันไร่

คนที่ออกมาแสดงความห่วงใยในประเด็นโควิด แต่กลับเคยปลุกม็อบลงถนนเพื่อปกป้องตนเองแม้ในยามที่โควิดกำลังระบาด
คนที่มีสมองก็น่าจะพอคิดได้ว่าคนแบบนี้ทำเพื่อคนอื่นหรือทำเพื่อตัวเอง?

ต่อมาในวันที่ 9 ก.พ.64 ทางด้านของ ดร.เวทิน​ ชาติกุล ผ.อ.สถาบันทิศทางไทย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ในหัวข้อ ด้วยความเคารพศาล​ เรื่อง​ “วัคซีนพระราชทาน” ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ไม่มีความเห็นใดๆนอกจากนำข้อเท็จจริงที่ปรากฏมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้พินิจพิจารณากันตามสมควร

1.​ คำพูดของธนาธร
คำ(วัคซีนพระราชทาน)​นี้ว่า ตนไม่ได้พูดเป็นคนแรก แต่นายกฯ เป็นผู้พูดก่อน ตนจึงพูดตาม เพราะฉะนั้นตนไม่ผิด

2.​ คำพูดของนายกรัฐมนตรี
“เราต้องมีการเตรียมการภายในประเทศ คือ เมื่อรับวัคซีนมาแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป อันนี้ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย อยู่ในขั้นตอน คือ เมื่อรับวัคซีนเข้ามาแล้วจะมีการบรรจุ แจกจ่าย

3.​ คำวินิจฉัยของศาลให้ยกคำร้องระงับการเผยแพร่คลิปไลฟ์สดวัคซีนพระราชทานของธนาธร
ในส่วนการนำเสนอของผู้คัดค้าน(ธนาธร)​ มีข้อความหัวเรื่องว่า “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย”
ผู้คัดค้านอ้างว่า เป็นคำพูดที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดทำนองนี้ และหน่วยงานของรัฐบาลเคยใช้คำนี้
ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ผู้ร้อง(กระทรวง​DEs)​มิได้โต้

ข้อเท็จจริง จึงฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่ผู้คัดค้านนำสืบ ทั้งนี้ แม้ว่าถ้อยคำอาจไม่ตรงกันทั้งหมด
แต่น่าจะแสดงว่า ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้มีการใช้ถ้อยคำที่แสดงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประกอบการจัดหาวัคซีนแล้ว
การที่ผู้คัดค้านนำข้อความดังกล่าวมานำเสนอ จึงมิใช่ความเท็จ
และลำพังข้อความดังกล่าว หากมิใช่ความเท็จ ก็ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระองค์ จึงไม่ใช่การใส่ความ

ล่าสุดในวันที่ 9 ก.พ.64 ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) ก็ได้ออกมาเปิดเผย ถึงประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรงและหนักหน่วง โดยมองว่า คำพิพากษาของศาลอาญา เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพโดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างมาก​ พิจารณาให้น้ำหนักประเด็นความมั่นคง​ โดยเฉพาะความมั่นคงแห่งรัฐและความมั่นคงแห่งองค์พระประมุขในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์ค่อนข้างน้อยกว่ามาก​จริงๆ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

คำพิพากษาของศาลอาญายกเลิกการปิดกั้น​Facebook.​Live.​วัคซีนของธนาธร
เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพโดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างมาก​ ราวกับเสรีนิยมเน้นสิทธิเสรีภาพอย่างสุดโต่ง​ และพิจารณาให้น้ำหนักประเด็นความมั่นคง​ โดยเฉพาะความมั่นคงแห่งรัฐและความมั่นคงแห่งองค์พระประมุขในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์ค่อนข้างน้อยกว่ามาก​จริงๆ​

นอกจากนี้ยังวินิจฉัยว่าคำสั่งปิดกั้นของศาลก่อนหน้านี้มิชอบทำให้ผมอ่านแล้วตกใจมากอาจจะกลายเป็นว่าองค์คณะตุลาการที่ปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่​ น่าตกใจมากว่าตุลาการใยจึงหักคำพิพากษากันเองรุนแรงมากจนตุลาการอีกองค์คณะดูเหมือนจะวินิจฉัยผิด

ย้อนกลับมาที่คำวินิจฉัยอันเน้นหนักไปที่สิทธิเสรีภาพไว้สูงมากกว่าความมั่นคงแห่งรัฐมากนั้น​ ทำให้ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่าตุลาการแต่ละคนก็อาจจะมีหลักคิดความเชื่อที่แตกต่างกันมากและสะท้อนให้เห็นประจักษ์ชัดได้ในคำวินิจฉัยที่แตกต่างกันไป

ข้าพเจ้าอ่านคำวินิจฉัยในฐานะกษัตริย์นิยมและอนุรักษ์นิยมด้วยความห่วงใยยิ่งว่า​ สิทธิและเสรีภาพที่ข้ามเส้น​ แท้จริงแล้วอาจจะขัดต่อหลักกฎหมายได้และขัดแย้งกับศีลธรรม​ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม​ และอาจจะเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐ​ ชาติ​ และแม้แต่องค์รัฎฐาธิปัตย์ได้ในอนาคตอันใกล้

ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นมาแล้วถือว่าดีทั้งนั้น​ แก้ไขไม่ได้แล้ว​ คำพิพากษาเป็นการวางรากฐานกฎเกณฑ์และควบคุมพฤติกรรมสังคม​ ดังนั้นตุลาการก็ต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมดุจเดียวกัน
ข้าพเจ้าขอใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการโดยหลักสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะและของประเทศด้วยความเคารพ
ยิ่ง​เยี่ยงวิญญูชน และมิได้มีประสงค์จะก้าวล่วงอำนาจศาลแต่ประการใด