จากรณีที่ เมื่อวานนี้ที่ 30 มี.ค. นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่ข้อความบันทึกในเหตุการณ์ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา โดยมีบางส่วนที่กล่าวถึงรุ้งและเพนกวิน
โดยระบุว่า
“เพนกวิน (พริษฐ์ ชิวารักษ์) เข้ามาในห้องพิจารณา ร่างกายซูบผอมลงไปเยอะ อิดโรยเต็มที ใบหน้าซีดขาว แขนข้างซ้ายของเขามีสายระโรงระรางเต็มไปหมด ใช่ มันคือสายน้ำเกลือ แขนของเขาถูกเจาะเพื่อใส่น้ำเกลือลงไป เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจาสื่อสาร เพราะอดอาหารประท้วงทวงคืนสิทธิขั้นพื้นฐาน ในการประกันตัวมาแล้วกว่า 14 วัน
รุ้ง ปนัสยา กล่าวแถลงด้วยน้ำตาสรุปความได้ว่า หนูเป็นเพียงแค่นักศึกษา อายุแค่ 22 ปี หนูฝันถึงสังคมและอนาคตที่ดีกว่า การที่หนูออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหนูผิดอะไร หนูกับเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้ประกันตัว พวกเราถูกบังคับไม่ให้มีโอกาสนั้น หนูกลัวค่ะ หนูกลัวว่าเพื่อนหนูจะเป็นอะไรไป หนูบอกเพนกวินว่า หนูกลัวมันตาย แต่เพนกวินตอบว่า ถ้าจะตายก็ให้ตายไป หนูคิดมาตลอดว่า “เราสู้เพื่ออยู่ ไม่ได้สู้เพื่อตาย แต่ถ้าจะมีใครตาย ก็ขอให้ตายเพื่อคนที่ยังอยู่”
และวันนี้หากไม่ได้รับสิทธิประกันตัวอีก จะขอประกาศอดอาหารด้วย โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่น้ำ นม และสารอาหาร “ขอให้การตายของเราเป็นสายธารนำความหวังสู่สังคม””
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
“ถึง….รุ้ง เพื่อนยาก
เมื่อวานที่บัลลังก์ศาลได้ฟังคำแถลงอดอาหารเคล้าน้ำตาของเพื่อน แม้จะได้ยินไม่แจ่มชัดทุกถ้อยคำ เพราะนั่งงอมอยู่บนรถเข็น แต่ฟังแล้วก็ได้ยินถึงเสียงหัวใจ เสียงที่เพื่อนๆ เอ่ยต่อศาล แม้ไม่ใช่น้ำเสียงที่ดุดันหาญห้าวแต่ก็เป็นเสียงที่สั่นเครือด้วยความจริงใจของคนที่ไม่เข้าใจถึงความปรารถนาให้ประเทศพัฒนา ก้าวหน้า และผู้คนมีชีวิตที่ดีนั้นมันเป็นความผิดได้อย่างไร น้ำตาที่เพื่อนหลั่งไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ แต่กลับเผยให้เห็นถึงความจริงใจและซื่อตรงต่ออุดมการณ์อย่างที่เพื่อนเป็นมาโดยตลอด ธารน้ำตาที่อาบแก้มเพื่อนคือธารน้ำตาแห่งความอยุติธรรม ธารน้ำตาสายนี้ไม่ได้อาบแค่แก้มรุ้ง แต่ยังอาบแก้มเรา อาบแก้มเพื่อนๆ ทุกคน และอาบแก้มมวลชลผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ อยากจะบอกให้รุ้งได้รู้ว่าเมื่อวานนี้ทุกคนในห้องพิจารณาคดี แม้กระทั่งผู้คุมที่ยืนเฝ้าอยู่ก็ร่วมหลั่งน้ำตาไปกับเพื่อนด้วย
การอดอาหารประท้วงเป็นหนทางการต่อสู้ที่วีรชนประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่หลายคนได้ยอมเดินผ่าน เป็นการต่อสู้กับตนเองเพื่อพิสูจน์ว่าความยากลำบากและความทุกข์ทรมานใดๆ ก็ไม่อาจทำลายอุดมการณ์ของเราได้ เพื่อนอาจจะเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมากในหนทางนี้ เพราะการอดอาหารประท้วงเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีเวลาพักเบรกเลย แต่ความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากนี้เองจะเป็นเพลิงไฟที่เผาและตีเราให้เป็นเหล็กที่แข็งกล้ากว่าที่เราเคยเป็น เมื่อเรากลับไปต่อสู้ข้างนอก เราจะได้เป็นดาบที่แกร่งและคม ในสงครามประชาชนครั้งนี้
เราเป็นกำลังใจให้เพื่อนเสมอ และเชื่อว่าทั้ง คุณพรหมศร ที่อดข้าวอยู่เรือนจำอำเภอธัญบุรี และ คุณพรชัย ที่อดข้าวอยู่ที่เรือนจำเชียงใหม่ รวมถึงเพื่อนๆ และมวลชนทุกคน ก็จะเป็นกำลังใจให้รุ้งด้วยเช่นกัน หากวันใดที่ท้อ ขอให้นึกถึงก้าวการต่อสู้ที่เราย่างเดินผ่านมา และที่เรากำลังย่างเดินไปถึงเส้นชัยในไม่ช้านี้
ส่วนที่รุ้งบอกว่ากลัวเราจะตายนั้นอย่าได้ห่วง เราจะยังไม่ตายจนกว่าเผด็จการจะตาย แม้ขาเราจะไม่มีแรงจนต้องนั่งรถเข็น แม้น้ำตาลในเลือดเราจะต่ำจนวิงเวียนวูบจนต้องใส่น้ำเกลือ เขาก็จะยังไม่ตาย เมื่อพวกเราทวงคืนความยุติธรรมได้แล้ว เราจะฟื้นฟูเรี่ยวแรงกาย แล้วออกเดินบนหนทางการต่อสู้เผด็จการ เหมือนที่เราเดินผ่านมา
เป็นห่วง ดูแลตัวเองให้ดี รักและคิดถึงเพื่อนเสมอ
เพนกวิ้น – พริษฐ์ ชิวารักษ์
วันที่ 30 มีนาคม 64
ณ สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี”