หลังจากที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้ออกมาแท็กทีม สาวไส้ก๊วนอยากยกเลิกม.112
โดยมีนายธนาธร และปิยบุตร คอยเคลื่อนไหวปลุกปั่นม็อบสามนิ้ว และได้โพสต์ถึงประเด็นต่าง ๆ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงคราวโดนคดี ก๊วนนี้ก็มักจะบอกว่าถูกรังแก และให้คดีปิดปากประชาชน
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ ได้กล่าวถึงประเด็นการยกเลิกมาตรา 112 ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูดว่าต้องยกเลิกให้ได้ ซึ่งได้มีคลิปที่นายธนาธรได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2561 ที่ระบุว่า หากตนเองได้เป็นนายกฯ ก็จะไม่คิดแก้ม.112 ถ้าพรรคเราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ที่ไหน ก็ต้องตอบว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เป็นสถาบันที่ ประชาชนคนไทยเทิดทูน เคารพ แล้วก็ต้องทำอย่างไรให้สถาบันยังธำรงค์ไว้ ซึ่งเกียรติยศ
แต่พอมาถึงวันที่ 4 ก.พ. 64 นายธนาธร กล่าวว่า
“พวกเราจึงเห็นว่า ควรมีการแก้ไข มาตรา 112” และวันที่ขึ้นศาลเพื่อไต่สวนในประเด็นการไลฟ์ เรื่องวัคซีน นายธนาธร ยังกล่าวอีกว่า “ม.112 เป็นมาตราที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน”
จนต่อมาได้มีคอมเม้นต์วิจารณ์ 2 คำพูดดังกล่าวอย่างมากมาย ว่า “มาตราฐานสันดานทอน กลับไปกลับมาหาจุดยืนอะไรไม่ได้ นอกจากผลประโยชน์ของกู
ตอนนั้น จะตั้งพรรค อะไร ก็เป็นเด็กดี ไอ้นั้นก็จะไม่ทำ ไอ้นี้ก็จะไม่แก้ไม่อะไร เเต่พอถูกคดี กลับบอกว่าต้องแก้ 112 ย้อนกลับไปมองดี ๆ เเม่งตอแหล
เกิดมาเป็นคน มีลิ้น เเต่ไม่มีสองเเฉกก็ควรจะทำตัวให้สมกับเป็นคน
อย่าให้ปชช. คนออกมาก่นด่า ว่าเกิดเป็นคน เเต่ทำตัวเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีลิ้นสองเเฉก”
คิดว่าตัวเองสุดวิเศษ พูดอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วหาสาระไม่ได้เลย
เกิน 4 วินาที จำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรออกไป
ก่อนจะแก้ไขอะไร แก้ไขตัวเองและคนในครอบครัวก่อน เลวทั้งตระกูล
มันย้อนแย้งประจำไอ้นายกโซเชียลเนี่ย ศรีธนนชัยอายมุดดินเมื่อเจอทอน
และด้วยความกลับกลอก ย้อนแย้งของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ฟันธงไว้เลยว่า เวลาของธนาธรเริ่มเหลือน้อยเต็มที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งหลักได้แล้ว เพราะพวกคุณข่มเหงตำรวจมากเกินไป ดังนั้นพวกคุณจึงเริ่มดิ้นรน อีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเสียด้วย แต่อย่าถึงขั้นฆ่ากันเอง แล้วเอาศพมาแห่ว่าตายเพราะ ม.112 อีก ก็แล้วกัน ตัวอย่างการเคลื่อนไหวแบบนี้ ก็เคยมีตัวอย่างมาแล้ว เพื่อเป็นการบอกนายธนาธรและลูกก๊วน อย่าพยายามใช้มุขเดิม ๆ หาทางลง เพราะมักจะจบไม่สวย
ทั้งนี้จากคำพูดเมื่อปี 2561 ที่นายธนาธร กล่าวว่า จะไม่แก้มาตรา 112 แต่พอผ่านมาได้ 3 ปี หางก็โผล่ เพราะคอยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ โพสต์ข้อความจาบจ้วงสถาบันฯ ที่ตนเองเคยพูดว่า “ต้องทำอย่างไรให้สถาบันยังธำรงค์ไว้ ซึ่งเกียรติยศ ” ก็เป็นคำที่พิสูจน์ได้แล้วว่า นายธนาธรไม่ได้มีความจริงใจ
นอกจากนี้เรื่องคำว่า “วัคซีนพระราชทาน” นายธนาธร เป็นคนตั้งคำถามขึ้นมาว่า ใครได้-ใครเสียประโยชน์ โดยระบุว่า ขอยืนยันกับสังคมว่าพวกเราสนับสนุนการเจรจาต่อรองเพื่อให้มีวัคซีนจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อครอบคลุมประชากรและได้ฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว
การตั้งข้อสังเกตของตนนั้น คือรัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร เพราะไทยยังหาวัคซีนได้เพียง 21.5% ของประชากร และไทยยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีน นอกจากนี้ยังโยนว่า “วัคซีนพระราชทาน” เป็นคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ เอง ในพิธีลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา
โดยครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงรายละเอียดการนำเข้าวัคซีน รวมทั้งมีประโยคที่บอกว่า “ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เข้ามาช่วยผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา” ซึ่งไม่ได้มีประโยคไหนที่บอกว่า นี่คือ “วัคซีนพระราชทาน” ตามที่นายธนาธรกล่าวอ้าง