จากกรณีที่ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ลี้ภัยประเทศญี่ปุ่น ปรี๊ดแตก ได้โพสต์แหก น.พ.อิราวัต อารีกิจ หรือหมออั้ม อดีตนักร้อง พร้อมแนบภาพ คอมเมนต์เฟซบุ๊กระหว่างหมออั้ม และ โบว์ ณัฏฐา โดยข้อความของนายปวินระบุว่า
“คำถามนี้ซีเรียส อยากรู้ว่า คนที่อ้างตัวว่าเป็นหมอ สามารถที่จะพูดอะไรซี้ซั้วแบบนี้ได้โดยที่ไม่มีการตรวจ/วินิจฉัยคนไข้หรอ อะไรคือคนป่วยไข้ มึงมาตรวจกูเมื่อไหร่ หรือว่าตรวจไข้ทางโทรจิตอีดอก ฝากไว้เลย ถึงมึงเป็นแค่หมอสิว แต่จรรยาบรรณต้องมี จะมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อีดอก
…เรื่องมันมาจากการที่ดิชั้นไปแหกอีหมอสิวหลายปีก่อน นี่คือปัญหาของสังคมฝั่งประชาธิปไตย ต้องมีกฏว่าห้ามแหกกันเอง เพราะ “อยู่ฝ่ายเดียวกัน” ต่อให้ทำเหี้ยทำห่าอะไร ก็ต้องทำมองไม่เห็น ต้องรักษาหน้ากัน โทษนะคะ ดิชั้นไม่ได้อยู่ฝ่ายมึงค่ะ และดิชั้นพร้อมจะแหก คือมีปาร์ตี้ งานสังคมฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อไหร่ งานวันเกิดนักการเมือง อีหมอสิวต้องไปเสนอหน้า ไปยืนหน้ากล้อง ถ่ายรูปออกงาน แต่ถ้าเป็นงานฝ่ายประชาธิปไตยจริงๆ การชุมนุม ประท้วง เรียกร้องต่างๆ ผลักดันการแก้ 112 อีดอกนี่จะไม่เอา ไม่ทำ งานลำบากไม่สน ทำแต่งานเอาหน้า แต่อ้างว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คืออีหมอสิวก็พอกันกับอีหิวแสง สปีชีส์เดียวกัน ไปร่วมชุมนุมค่ะ แต่ไปยืนให้สัมภาษณ์สวยๆ พอตอนเค้าจะฉีดน้ำไล่ ตอนนั้นนางก็กลับถึงบ้านไปนั่งกระดิกตีนสบายๆ แล้ว
…ถ้าใครยังจำเรื่องอีซ้อสต๊อดได้ ตอนที่มันออกมาขู่จะทำร้ายเนติวิทย์ (เรื่องยกเลิกการหมอบกราบที่จุฬา) แทนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องช่วยกันประนามการขู่ อีหมอสิวหาโอกาสตีสนิทเซเลปซ้อสต็อด ช่วยเค้าโฆษณาซ้อสซะอย่างนั้น แสงไฟอยู่ที่ไหน ต้องปรี่เข้าไปหา หิว attention อยากอาศัยความมีชื่อเสียงของคนอื่นเพื่อสร้างชื่อเสียงตัวเอง จากวันนั้น ดิชั้นตำหนิอีหมอสิวบ้านโป่ง โอ๊ยนางโกรธ แล้วก็บอกว่าดิชั้นป่วยโน่นนี่นั่น อีดอก มึงคือเสนียดของฝ่ายประชาธิปไตยจริงๆ”
หลังจากนั้นก็พยายามโพสต์เพื่อสร้างกระแสเรียกสาวกสามนิ้วให้มาทัวร์ลง หมออั้มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการโพสต์ล่าสุด พร้อมแนบภาพโพสต์เฟซบุ๊กของหมออั้ม ระบุว่า
“หิว นี่คือหิวแสงค่ะ อีหมอสิวบ้านโป่ง”
อย่างไรก็ตามล่าสุด หมออั้มได้ออกมาตอบโต้ปวินโดยโพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“คนส่งโพสต์ #ปวินฯ มาให้ดู
เป็นโพสต์ผมเอง หลายปีก่อน เรื่องซอส
จริงๆ ผมไม่ได้พูดถึงคนๆนี้นานแล้วครับ
เพราะแกออกทะเลไปไกลมาก
และผมไม่ค่อยอยากวิจารณ์คนทุกข์
#ผมเลิกคบกับแกโดยสิ้นเชิง มาหลายปีแล้ว
ตั้งแต่ตรรกะแกผิดเพี้ยนไป เกินเยียวยา
วันนี้ได้จังหวะพอดี ผมจะเล่าให้ฟัง 14 ข้อ
ตามมาครับ
1. ผมกับปวิน เคยทำงานร่วมกัน ที่ VoiceTV
2. ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวต่อกัน
3. ปวิน สนิทกับผม จนถึงขั้นส่งเมลมาให้ผม
แจ้งแฟนคลับ เวลาตนเองปิด FB (ตามภาพ)
จนกระทั่ง..
4. ครั้งหนึ่ง “ต๊อด ปิติ” โพสต์เรื่องตราครุฑของสิงห์
และของบริษัทต่างๆ และพูดโยงเรื่องสถาบันฯ
5. ผมเลยทำภาพ “ตึกชินวัตร ทั้ง 3 ตึก” ก็มีตราครุฑ
แล้วแย้งต๊อด ปิติ ว่าตระกูลชินวัตร และอื่นๆ เขาก็มี
เขาก็ภักดี ทำธุรกิจที่ได้ตราครุฑเช่นกันฯลฯ
6. ตอนนั้น ปวิน ได้แชร์โพสต์ผมไป
เสียบด่าต๊อด ปิติ อย่างรุนแรง
7. จนผมมาทราบว่า ต๊อด ได้โพสต์ขอโทษ
และลบโพสต์ออกไปแล้ว
8. และด้วยความที่ #เป็นเพื่อนกันกับต๊อด (จุฬาฯ)
(หลายคนไม่รู้ว่าผมกับต๊อด รู้จักกันเป็นการส่วนตัว)
เมื่อต๊อดขอโทษ และลบโพสต์เรื่องครุฑออกไป
ผมจึงไม่มีเหตุผล ที่ต้องเก็บโพสต์ต๊อดไว้เสียบประจาน
9. ผมจึงลบโพสต์ที่ผมตำหนิต๊อด ออกไป
เพราะลูกผู้ชาย แมนๆ จบไป และผมทราบดี
ว่าต๊อดและครอบครัว ก็ไม่เหลืองจ๋า ไม่แดงแจ๋
แต่..
10. ปวิน ที่แชร์โพสต์ผมไปด่าต๊อด เลยโกรธ
โกรธผมที่ไม่ยอมเล่นงานต๊อดต่อ ไม่ไปต่อ
11. อีกไม่กี่วันต่อมา ต๊อดมาเตะฟุตบอลแถวราชบุรี
เขาฝากทีมงาน เอา #ซอสต๊อด มาให้ผมและคลินิก
ด้วยน้ำใจและมิตรภาพ จึงมีภาพโพสต์ให้เห็น
ว่า “ได้กินแล้วนะ”
12. ซอสต๊อด ถือว่าโอเค แต่สำหรับผมเผ็ดไปหน่อย
ช่วงหลังไปเที่ยวใกล้บ้าน ที่ #ไร่สิงห์ สวนผึ้งไฮแลนด์
แล้วเขามีขาย จึงซื้อทานตลอด ไม่ได้รบกวนเพื่อน
13. ปีนั้น มหากาพย์ซอส ดังเพราะปวินพยายามปั่น
จนอาจารย์ Jessada Denduangboripant ออกมารีวิว
จนอาจารย์ Somsak Jeamteerasakul ออกมางง
ว่าเรื่องซอส ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สังคมเป็นอะไรกัน
ไปรวมหัวด่าหมอ ด่าอาจารย์เจษฎ์ ทำไม?
14. นี่คือ #แค้นฝังหุ่นของปวิน หลายปีก่อน
ทำให้ตอนนั้นผมไม่อยากทะเลาะด้วย
เลยบล็อค และเลิกคบ ไม่กล่าวถึงเขาอีก
เพราะในความเป็นหมอ ผมเข้าใจอาการเขาดี
และไม่อยากถือสา แม้ว่าเขาจะหลุดหลักการ
ไปไกลจนบางเรื่อง แต่งเป็นนิยายสนุกสนาน
ผมอยู่ของผมแบบนี้มานานแล้ว
ไม่เคยเปลี่ยนไปไหน และไม่สนใคร
อยู่กับหลักการประชาธิปไตยของผม
”แตกต่าง แต่ ต้องอยู่ด้วยกันได้”
ผมไม่ถือเขานะ แค่เล่าให้ฟัง เผื่อใครเพิ่งตาม
และหากตามอยู่ ก็ชั่งน้ำหนักข่าวสารดีๆ
ไม่ใช่เรื่อง “หิวแสง” อะไรหรอกครับ
ถ้าจิตใจคนมันมืดมิด ส่องไฟยังไงก็ไม่สว่าง.
หมออั้ม อิราวัต
25 มกราคม 2564”
ทั้งนี้ยังมีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นแหกนายปวินถึงพฤติกรรมสุดป่วยอีกมากมายหลายกรณี