เคส “ดีเจมะตูม” ทำป่วยโควิดแล้ว 19 คน ตำรวจ – นักแสดงไม่รอด แพทย์ฟันธง เป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์”

6860

จากกรณีที่ดีเจมะตูม หรือ นายเตชินท์ พลอยเพชร ได้เปิดเผยผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เมื่อคืนวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ระบุว่า ตนเองถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 โดยเป็นการติดเชื้อแต่ไม่มีอาการใด ๆ และได้แจ้งให้ผู้ที่ได้สัมผัสใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมากักตัวไปแล้วนั้น

ต่อมาทางด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้เปิดเผยถึงเคสของดีเจมะตูม ว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่ต้องจับตาใกล้ชิด

ต้องขอบคุณและชื่นชม “ดีเจมะตูม” ที่เปิดเผยว่าติดเชื้อและแจ้งไทม์ไลน์ของตัวเองให้รับทราบ ซึ่งเชื่อมโยงหลายแห่งทั้งที่ทำงานและพฤติกรรมส่วนตัว

ล่าสุดทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกระทรงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า เป็นกลุ่มติดเชื้อกลุ่มใหญ่ที่ซับซ้อน กลุ่มนี้สอบสวนโรค พบว่า เริ่มจากสถานบันเทิงใน จ.เชียงใหม่ โดยสถานบันเทิงแห่งดังกล่าวไม่มีการเว้นระยะห่าง และมีผู้ติดเชื้อในสถานบันเทิงแห่งนี้ตามข่าวที่ปรากฏ ผู้ติดเชื้อรายแรก เป็นชายวัย 33 ปีระหว่างวันที่ 1-5 ม.ค ไปเที่ยวสถานบันเทิงนี้ เมื่อกลับจากสถานบันเทิงไม่มีอาการ ก็ไปงานวันเกิดดีเจมะตูม เมื่อ 9 ม.ค. ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อให้คนจำนวนมาก

ส่วนผู้ประกาศข่าวช่อง NBT ที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการสอบสวนโรค พบว่า มีการเดินทางไปร่วมงานปาร์ตี้ของดีเจมะตูมด้วยเช่นกัน และมีการเดินทางไปงานเลี้ยงอีกหนึ่งงาน

ทั้งหมดมี 3 กลุ่ม แต่มีความเชื่อมโยงกับงานเลี้ยง หรืองานปาร์ตี้ 2 งาน โรงแรม 2 แห่ง มีผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มนี้แล้ว 19 คน จุดที่มีความเสี่ยง คือ สถานที่ ที่แออัด

อากาศถ่ายเทไม่สะดวก คนที่มาร่วมกิจกรรมไม่ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อร่วมรับประทานอาหาร เป่าเค้กวันเกิด มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ปัจจัยเหล่านี้จึงล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดและติดเชื้อได้ โดยคนส่วนใหญ่ที่ไปร่วมงานไม่มีอาการและคิดว่าไม่เป็นไร เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญ

ความเสี่ยงจะเกิดจากการไปร่วมงานสังสรรค์ในหมู่คนที่รู้จักกัน มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ลดความแออัด ลดการพูดคุยเสียงดัง เพราะส่วนใหญ่การติดเชื้อ จะเกิดจากการตะโกนเสียงดัง การร้องเพลงในสถานที่แออัด รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ จนเกิดความสนุกสนาน ทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อ

จากเหตุการณ์สถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิด 2 เหตุการณ์ข้างต้น ทั้งโรงแรมเรเนซอง ราชประสงค์ กรุงเทพฯ และโรงแรมบันยันทรีกรุงเทพฯ มีคนที่โหลดแอปลิเคชั่น หมอชนะ พอโหลดเสร็จ เมื่อพบว่ามีใครติดเชื้อบ้าง ระบบก็จะทำงานทันที ส่ง SMS แจ้งเตือนว่า ท่านไปยังโรงแรมที่จัดงานนี้

อยู่ในช่วงเวลานั้น ให้ท่านได้ตรวจสอบ และสอบถาม หากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของแอปพลิเคชั่นหมอชนะ เมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันก็จะมีระบบคอยตรวจสอบ ติดตาม ให้คำแนะนำ โดยมีผู้ใช้แอปพิลเคชั่นหมอชนะ ณ วันที่ 24 มกราคม มีประมาณ 6 ล้าน 8 แสนกว่ารายแล้ว ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้รับการแจ้งเตือนจากระบบแล้วกว่า 5 พันราย

นอกจากนี้อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังกล่าวย้ำว่า ผู้ติดเชื้อ 1 คน เมื่อกลับบ้าน เกิดความเสี่ยงจะทำให้คนในครอบครัว 1 คนเสี่ยงในการรับเชื้อได้ 2 คือ สถานที่ทำงานที่ มีการพบปะประชุม มีการรับประทานอาหารร่วมกัน หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ วิธีการป้องกันที่ดียังคงมาตรการสาธารณสุขไว้

สำหรับคลัสเตอร์งานปาร์ตี้ของดีเจมะตูม พบว่ามีผู้ติดเชิ้อ 19 คน ในจำนวนนี้มีพนักงานสายการบินวัย 26 ปี นักร้อง-นักแสดงชายวัย 25 ปี ตำรวจวัย 34 ปี นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ นักข่าว(ผู้ประกาศข่าว) สไตล์ลิสต์หญิงวัย 34 ปี ผู้จัดการ PR รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้พบว่าทางด้านคุณสอร์ กรกช” ผู้ประกาศข่าว NBT ได้ออกมาโพสต์ข้อความเป็นเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนเองไม่ได้ไปเชียงใหม่นานแล้ว และไม่ได้ไปร่วมงานวันเกิดดีเจมะตูม

อย่างไรก็ตามทางด้าน นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชี้แจงเพิ่มติมด้วยว่า เคสดีเจมะตูม คือ ซูเปอร์สเปรดเดอร์ หลังมีผู้ติดเชื้อโควิด แล้ว 19 ราย

กรณีดีเจมะตูม ที่เปิดเผยข้อมูลรวดเร็วทำให้ผู้สัมผัสติดตามไทม์ไลน์ และกักตัวเอง ซึ่งการสอบสวนโรคพบว่าเริ่มต้นจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อรายแรก อายุ 33 ปี ผู้ป่วยไม่มีอาการ ซึ่งจำนวนที่ติดเชื้อเป็นกลุ่มเป็นก้อนนี้ นพ.ธีระ ระบุว่า ชี้ชัดว่าเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ อย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมขอให้ระวัง ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการนัดสังสรรค์ สถานที่ทำงาน รับประทานอาหารร่วมกัน และการแพร่ในครอบครัว ทั้งนี้น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวอีกไม่น้อย ถือว่าเสี่ยงอันตรายในการแพร่เชื้อต่ออย่างมาก