ยอดติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่ง ตรวจเชิงรุกโรงงานเจอเพียบ ลุกลาม 61 จังหวัด “บิ๊กตู่” ลั่นวัคซีนโควิดต้องปลอดภัย ไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง

1902

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้แถลงสถานการณ์ “โควิด” ประจำวันที่ 17 ม.ค. 2564 ระบุว่า ผู้ป่วยใหม่วันนี้ 374 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 364 ราย

(ตรวจพบในรพ. 43 ราย -ตรวจเชิงรุก 321 ราย) ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 12,054 ราย หายแล้ว 9,015 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม คงสะสม 70 ราย ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นจำนวนผู้ป่วยสะสมในการระบาดระลอกใหม่ 7,817 ราย หายป่วยแล้ว 5,075 ราย มีจังหวัพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นคือ พัทลุง ทำให้มีจังหวัพบผู้ป่วย 61 จังหวัด

สถานการณ์รอบประเทศ มาเลเซีย วันนี้ 4,029 จนมีการประกาศล็อกดาวน์ ยอดรวมกว่าแสน เมียนมา 491 ราย และตัวเลขรวมสะสมเป็นแสนเช่นเดียวกัน ประเทศไทย ตัวเลขสะสมหลักหมื่น ถือว่ายังห่างกันมาก และจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคนทั้งประเทศ เมื่อพิจารณาประเทศจีน ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก สามารถกดตัวเลขผู้ป่วยอยู่ได้ที่ 131 คน ทำให้ต้องเรียนรู้ มาตรการต่างๆ ที่มีทั้งหนักและเบา เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ล้าเกินไป สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้เมื่อดูแยกตามจังหวัด พบว่า กทม. ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่ทุกวัน และเข้าไปในครอบครัว พบผู้ป่วย 1 ขวบ-78 ปี ทำให้ ศบค.ชุดเล็ก คุยร่วมกับ กทม. เนื่องจากพบว่า เมื่อดูไทม์ไลน์ประชาชนเดินทางจำนวนมาก และยังพบสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลา และมีการดำเนินคดีอย่างเข้มงวดไปแล้ว

โดยจากการค้นหาเชิงรุก มีการตรวจที่ จ.ตรัง พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย เป็นชายพม่า ที่อยู่ในโรงงาน ซึ่งจะมีการนำไปหาต้นตอการป่วยเพิ่มเติม และ จ.พัทลุง พบผู้ป่วย 3 ราย เป็นพม่า 2 ลาว 1 จาก การค้นหาเชิงรุก ทั้งที่ไม่มีผู้ป่วยเลย เป็นความเก่งที่ทำให้พบชาวลาวที่ทำงานในร้านคาราโอเกะ มีการตรวจและแยกกักกัน เมื่อพบก็จะป้องกัน ส่วน จ.สมุทรสาคร 311 ราย เป็นคนไทย 118 ราย และต่างด้าว 193 ราย

ขณะที่ทางด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้ยังมีความจำเป็นในการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพื่อควบคุมโรคระบาดอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันโดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างดียิ่ง

นอกจากนี้รัฐบาลก็กำลังเร่งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ รวมถึงการเร่งเตรียมการในเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในขั้นต่อไป ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่อยากเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจากเหตุของการรวมตัวกันเพื่อชุมนุมทางการเมืองในช่วงนี้ จึงขอความร่วมมือประชาชนปฎิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง


ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุถึงผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศว่า

ช่วงนี้ มีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียง หรืออาการไม่พึงประสงค์ จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 บางตัวเกิดขึ้นในบางประเทศ ซึ่งเราคงต้องรอฟังผลสรุปการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น โรคประจำตัวบางอย่าง สภาพร่างกาย หรืออายุ รวมทั้งอัตราผลข้างเคียงนั้นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่


นอกจากนั้น บางประเทศที่ต้องการเริ่มฉีดวัคซีนเร็ว มีการตัดสินใจใช้วัคซีน ที่อาจจะยังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่ครบถ้วน

สำหรับคนไทย ผมตัดสินใจไม่รับความเสี่ยงแบบนั้น ผมไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ผมจึงมีนโยบายสำคัญ คือ ต้องมั่นใจก่อนว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับคนไทยได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจของผม และการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของประเทศ “แบบครบวงจร” จะมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดความสำเร็จในการยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา

และในครั้งนี้ที่กำลังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น เกิดจากความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทันที ด้วยตัวเอง คือการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมืออยู่เสมอ เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน

นอกจากนี้ หากต้องการให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ก็ต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” ทุกครั้ง และใช้แอปฯ “หมอชนะ” ทุกคน ก็จะดีมากครับ ผมขอให้เราทุกคนร่วมมือกันต่อไปครับ

อย่างไรก็ตามสถานการณ์อื่น ๆ ที่น่าติดตาม ยังมีรายงานด้วยว่า จีนพบไอศกรีมบรรจุกล่องผลิตในประเทศ ปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ส่งผลให้ต้องมีการตรวจเชื้อพร้อมกักตัวคนงานโรงงาน 1,662 ราย