จากกรณีสถานการณ์การเมืองของบ้านเรา ก่อนหน้านี้ที่มีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มคณะราษฎร ที่มีการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังมีการจาบจ้วงสถาบันฯ อย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการเขียนถ้อยคำตามกำแพงในสถานที่มีการจัดการชุมนุม หรือแม้กระทั่งโจมตีสถาบันฯ ผ่านเครือข่ายบนโลกโซเชียล ซึ่งก็มีการดำเนินการในเรื่องของมาตรา 112 หลายราย
สำหรับการเคลื่อนไหว จาบจ้วงสถาบันในโลกโซเชียลก็มีด้วยกันหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนายแพทย์รายหนึ่งที่มีการแสดงความคิดเห็นบนเพจเฟซบุ๊ก จนทำให้เกิดประเด็นและมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก โดยนายแพทย์ศราวิน ทองรอง แสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยการใช้สรรพนามลบหลู่พระเกียรติ ในหลวง รัชกาลที่ 9 กระทั่งมีผู้ไปทวงถามความรับผิดชอบจากโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง และโรงพยาบาลจอมเทียน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสังกัดของนายแพทย์คนดังกล่าว ต่อมาทางด้านโรงพยาบาลทั้งสองแห่งได้ประกาศให้ นายแพทย์คนดังกล่าวพ้นสภาพจากการเป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลแล้ว
ต่อมาทางด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อเอาผิด นพ.ศราวิน ทองรอง อดีตนายแพทย์ รพ.กรุงเทพระยอง และ รพ.จอมเทียน และผู้ที่ใช้ชื่อว่า Watcharin ซึ่งได้ใช้สื่อบนโลกโซเชียลโพสต์ข้อความด้วยการใช้สรรพนามลบหลู่พระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระราชินีนาถ และพระบรมราชวงศ์
ประเด็นนี้เอง หลายคนตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ทำอะไรกันอยู่ ทำไมไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้มีคนจาบจ้วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ต่อมา ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีการจาบจ้วงสถาบันฯ และหมิ่นพระเกียรติของในหลวง โดยที่หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ว่า นักกฎหมาย ผู้มีอำนาจในการบริหาร ผู้รักษากฎหมาย ทั้งหลาย เราไม่มีทางที่จะใช้กระบวนทางกฎหมายกับคนที่ เย้ยหยัน เหยียดหยาม เยาะเย้ย ถากถาง จาบจ้วงล่วงละเมิด ล้อเลีบน สถาบันพระมหากษัตริย์ องค์กษัตริย์ องค์ราชินี พระราชวงศ์ได้เลยหรือคะ จะปล่อยให้คนไทยที่จงรักภักดีต้องทนปวดใจไปอีกนานแค่ไหนคะ
ท่านรู้ใช่ไหมคะว่าความอดทนของประชาชนมีจำกัด
เวลานี้ประชาชนตำหนิพวกท่าน จนหมดใจที่จะเป็นแนวร่วมของพวกท่านแล้วนะ พวกเราไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย แต่เรารู้ความหมายการกระทำของคนพวกนั้น พวกเรากำลังจะทนไม่ได้ แต่พวกเราก็ไม่อยากทำอะไรที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เราหวังว่าพวกท่านจะใช้ความรู้ ความชำนาญของท่านทำหน้าที่ตามกฎหมาย ผู้รู้ด้านกฎหมายทั้งหลาย อย่าเพิกเฉยกับเรื่องนี้เลยนะคะ
พวกเขาหาช่องโหว่ของกฎหมายทำสิ่งที่เลวร้ายกับสถาบัน พวกท่านน่าจะเก่งกว่าพวกเขาในการที่จะย้อนศรการมุดช่องโหว่ของพวกเขาให้ได้ ฝากรัฐบาลนะคะ มีคนนินทารัฐบาลว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลไม่เดือดร้อน เพราะรัฐบาลไม่ใช่เป้า ให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเป้าแบบนี้ รัฐบาลจะได้ลอยตัว
อย่าให้คนเชื่อคำนินทานี้นะ แนวร่วมรัฐบาลจะหายนะคะ เพราะคนไทยที่จงรักภักดีคงไม่พอใจที่รัฐบาลจะให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นตำบลกระสุนตกแทนรัฐบาลนะคะ
ดร.เสรี ยังโพสต์อีกว่า เวลานี้คนไทยที่จงรักภักดีปวดหัวใจกันมาแล้ว มาช่วยวิเคราะห์กันอย่างจริงจังกันหน่อยนะคะ ว่าทำไมคนที่จาบจ้วงและเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่กล้วการทำผิดกฎหมาย จึงเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่หยุดการกระทำ แม้จะมีคนเตือนให้หยุด จึงหาวิธีการมาทำเรื่องที่หมิ่นหยามที่เป็นการยกเพดานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่แยแสว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีจะรู้สึกอย่างไร
มีใครจะต้องรับผิดชอบกับปรากฏการณ์ครั้งนี้บ้าง เราอยากเห็นใครทำอะไรในเรื่องนี้เพื่อยุติปรากฏการณ์ดังกล่าว ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำหน้าที่จะเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีกฎหมายจัดการ หรือเราใช้กฎหมายกันหย่อนยานคะ
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่นั้น ประชาชนหลายคนเริ่มออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย ว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่จัดการทำอะไรให้เห็นเป็นตัวอย่าง กลุ่มคนที่จ้องจาบจ้วงฯ จะได้หมดไปจากประเทศไทย รวมถึงกรณีบ่อนซึ่งเป็นอีกต้นเหตุหลักที่ทำให้โควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้าง
เช่น นายศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาโพสต์ข้อความว่า ประยุทธ์บอก 100 นายกฯ ก็แก้บ่อนไม่ได้ ผมว่าแก้ได้นะ แต่ต้องเริ่มที่ท่านควรลาออกไปก่อนครับ คนเก่งยังมีอีกเยอะ #บ่อนต้นเหตุแพร่เชื้อโควิด
ด้าน นายไพศาล พืชมงคล ก็โพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันด้วยว่า ใครมีอำนาจหน้าที่แล้วไม่ทำหน้าที่พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์จงออกไปเถิด