ความหวังที่จะลดความตึงเครียดระหว่างจีน-อินเดีย ดูท่าจะเป็นหมันเพราะล่าสุดกระทบกระทั่งอ้างต่างฝ่ายยั่วยุอีกฝ่าย ทำการเจรจาลดตึงเครียดไม่คืบ ขณะที่กลาโหมอินเดียเตรียมงบฯกว่า 2 หมื่นล้านบาท ต่อเรือ-ซื้อเรือดำน้ำ 2.3 หมื่นล้านเพิ่ม 30 ลำจากเดิม 17 ลำ และเมื่อเร็วๆนี้สหรัฐส่งเครื่องบินรบ 2 ลำลาดตระเวนเหนือน่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย โดยทางการอินเดียวางเฉย
เมื่อวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวหาจีนมีการเคลื่อนไหวยั่วยุ บริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยที่มีความขัดแย้งกัน ใกล้จุดเกิดเหตุทหารจีนปะทะกับทหารอินเดียที่ทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิต 20 ราย เมื่อเดือนมิถุนายน ส่วนจีนระบุอินเดียรุกล้ำชายแดนยั่วยุอย่างเปิดเผย
ภาคพื้นดินก็กระแทกกับจีนเป็นระยะ
กลาโหมอินเดียแจง เหตุทหารจีนยั่วยุบริเวณพรมแดนครั้งใหม่ เกิดขึ้นทางตะวันออกของดินแดนลาดักเมื่อคืนวันเสาร์ (29 ส.ค.)ระบุว่ากองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) เคลื่อนไหวทางทหารที่เป็นการยั่วยุ เพื่อต้องการเปลี่ยนสถานะเดิมของพรมแดน โดยผู้บัญชาการกองพลน้อยของอินเดียจะประชุมกับผู้บัญชาการทหารจีนในวันจันทร์ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านชุชูลในลาดัก แต่สถานการณ์ไม่อำนวยเสียแล้ว
ความขัดแย้งคุนัก เมื่อกลางเดินมิ.ย.ที่ผ่านมา (15 มิ.ย.2563) เกิดเหตุทหารอินเดียกับทหารจีนปะทะกัน บริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัยที่ยังมีความขัดแย้งกันเรื่องพรมแดน เป็นการต่อสู้ที่ใช้อาวุธมีด,ไม้ โดยไม่มีการยิงหรือใช้ระเบิด แต่ทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิตถึง 20 นาย ขณะที่ทางการจีนไม่มีการเปิดเผยว่ามีทหารจีนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปะทะกับทหารอินเดียจำนวนเท่าไร
อินเดียและจีนต่างกล่าวโทษกันไปมาถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัยเมื่อเดือนมิถุนายน หลังเคยสู้รบจากปัญหาชายแดนเมื่อปี 2505 หลังจากนั้นทหารทั้งสองชาติประจันหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง หลังเกิดเหตุ ทั้งสองชาติส่งทหารหลายหมื่นคน มาประจำการในภูมิภาคใกล้ชายแดนที่ขัดแยังกันบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ส่วนการเจรจาทั้งทางทหารและทางการทูตของสองชาติเพื่อลดความตึงเครียด ยังคงอยู่ในภาวะมืดมนนัดกันแล้วก็ยังเจรจาไม่ได้เพราะเกิดเรื่องอีกแล้ว
เหตุเกิดขึ้นบริเวณริมฝั่งทางใต้ของทะเลสาบปันกองเมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค. กระทบกระทั่งกัน อินเดียอ้างเพื่อขัดขวางเจตนาของจีนที่จะเปลี่ยนความจริงในเรื่องพรมแดนแต่ฝ่ายเดียว กองทัพจีนตอบโต้ว่า ทหารอินเดียข้ามชายแดนมาใกล้กับผางกงโฉหรือทะเลสาบปันกอง และ ยั่วยุอย่างเปิดเผยทำให้สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดขึ้น กองทัพจีนจึงดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น เพื่อตอบโต้การละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนของจีนอย่างร้ายแรง
มหาสมุทรอินเดียร้อนระอุ-อินเดียเพิ่มแสนยานุภาพทางทะเล
-สำนักข่าวอินเดียทูเดย์รายงานว่า เดือนตุลาคมอินเดียจะเปิดประมูลโครงการต่อเรือดำน้ำขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 55,000 ล้านรูปี (ราว 23,400 ล้านบาท) เพื่อต่อเรือดำน้ำเครื่องยนต์ดีเซลจำนวน 6 ลำสำหรับกองทัพเรืออินเดียเพื่อลดช่องว่างแสนยานุภาพทางเรือที่เพิ่มขึ้นของจีน แหล่งข่าวของรัฐบาลเปิดเผยเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์
เรือดำน้ำจะถูกต่อขึ้นในอินเดียโดยบริษัทในประเทศสามารถร่วมมือกับบริษัทต่างชาติที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีการทหาร (ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นใคร) เพื่อสร้างอุตสาหกรรมด้านทางทหารระดับไฮเอนด์ในประเทศอินเดียและลดการพึ่งพาการนำเข้าอาวุธจากประเทศอื่น ทั้งนี้ กองทัพเรืออินเดียวางแผนที่จะจัดหาเรือดำน้ำใหม่ 24 ลำรวมถึงเรือดำน้ำจู่โจมพลังงานนิวเคลียร์ 6 ลำเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้ใต้น้ำ ปัจจุบันมีเรือดำน้ำธรรมดาพลังงานดีเซล 15 ลำและเรือดำน้ำนิวเคลียร์สองลำ
นักวิเคราะห์ด้านการเดินเรือทั่วโลก กองทัพเรือจีนมีเรือดำน้ำมากกว่า 50 ลำและเรือรบประมาณ 350 ลำ จำนวนเรือรบและเรือดำน้ำทั้งหมดของจีนคาดว่าจะเกิน 500 ลำในอีก 8-10 ปีข้างหน้า กองเรือภาคตะวันออกของกองทัพเรือยังได้ส่งเรือไปปฏิบัติการเพิ่มเติมในเขตมหาสมุทรอินเดียในและรอบๆ หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์และครอบคลุมช่องแคบมะละกานอก เหนือจากการประจำการตามภารกิจตามปกติ เนื่องจากจีนค่อยๆ เพิ่มกำลังทหารในเขตมหาสมุทรอินเดียตั้งแต่ปี 2008 ทำให้อินเดียระแวงภัย
-นอกจากนี้กองทัพเรือของสหรัฐและจีนยังแข่งกันเพิ่มแสนยานุภาพในมหาสมุทรอินเดียอย่างต่อเนื่อง กองทัพอากาศสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2A Spirit Stealth Bomber 3 ลำประจำการฐานทัพอากาศบนเกาะดิเอโก การ์เซีย ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในมหาสมุทรอินเดีย ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา