ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ระบุว่า ปิยบุตรกับการทำลาย ม.112 ที่ยังไม่สำเร็จ
ม.112 สามารถยกเลิกได้เหมือนกับในบางประเทศ ก็ต่อเมื่อกฎหมายไม่มีการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ จนในท้ายที่สุดกฎหมายไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไปเอง เพราะผู้คนมีความเจริญถึงขั้นที่ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง ตลอดจนเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นตามแนวทางของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีคนอย่างนายปิยบุตรที่คอยสร้างเงื่อนไขของความจำเป็นที่ยังต้องมี ม.112 ด้วยการยุยงปลุกปั่นให้ผู้อื่นท้าทายและกระทำผิดกฎหมาย
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตลก เพราะคนที่อยากให้ยกเลิก ม.112 กลับเป็นคนคนเดียวกับที่ยุยงปลุกปั่นให้ผู้อื่นกระทำผิด ม.112 แต่แทนที่จะโทษตัวเองซึ่งเป็นต้นเหตุ นายปิยบุตรกลับโทษ ม.112
ไม่รู้ว่านายปิยบุตรกับภรรยารับจ้างบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นอาชีพหรือไม่ เพราะพวกเขาทั้งคู่มีความพยายามในการบ่อนทำลายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่นายปิยบุตรกับภรรยาต่างก็บิดเบือนให้ร้าย หวังบ่อนทำลายมาโดยตลอด
นายปิยบุตรถือลัทธิรัฐธรรมนูญตามรอยคณะราษฎรในอดีต ซึ่งยึดอำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย แล้วสร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาหลอกลวงประชาชน โดยไม่ได้สร้างประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยจึงไม่เคยมาถึงมือของประชาชน ในขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถือประโยชน์สุขของประชาชนทั้งประเทศเป็นใหญ่ เป็นกำลังของประชาชนในการวางรากฐานของชาติและสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่กลับถูกคณะราษฎรบ่อนทำลายมาโดยตลอด นายปิยบุตรจึงสานต่อพยายามที่จะยกเลิก ม.112 รวมถึงมาตรการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางกฎหมายทั้งหมด เพื่อริเริ่มการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเสรีและถูกต้องตามกฎหมาย
ทายาทลัทธิรัฐธรรมนูญอย่างนายปิยบุตรต่างหากที่กลัวการสร้างประชาธิปไตย เพราะรู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงขีดสุด เกิดราชประชาสมาสัยขึ้นอย่างสมบูรณ์ ประชาธิปไตยหรืออำนาจอธิปไตยปวงชนก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง และจะไม่เป็นจริงแค่เพียงในกระดาษอีกต่อไป นำไปสู่จุดจบของลัทธิรัฐธรรมนูญและวงจรอุบาท์ของคณะราษฎรอันยาวนานกว่า 88 ปี
สิ่งที่นายปิยบุตรทำมาตลอดจึงไม่ได้เป็นการปกป้องประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชนตามที่พูดจาสวยหรู หากแต่เป็นความต้องการของนายปิยบุตรในการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความอำมหิตยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เดรัจฉานยังไม่หลอกใช้กันแบบนี้ แต่นายปิยบุตรกลับใช้ความเป็นครูบาอาจารย์ ตลอดจนแอบอ้างคำว่าวิชาการในการยุยงปลุกปั่นให้ผู้อื่นกระทำผิดกฎหมายแทนตัวเอง ในขณะที่ตัวเองระมัดระวังตัวและหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายอยู่ตลอดเวลา
นายปิยบุตรจึงไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตย หากแต่เป็นคนที่มีคุณสมบัติตรงกับเพลงหนักแผ่นดินทุกประการ ขยันสร้างแต่ความแตกแยก หลอกใช้คนไทยเป็นเครื่องมือ อีกทั้งยังไม่เคยเห็นคนไทยทั้งประเทศอยู่ในสายตา เพราะเอาแต่อ้างกฎหมายต่างประเทศที่ตนเองได้ประโยชน์มาบังคับยัดเยียดให้กับสังคมไทย ทั้ง ๆ ที่ทุกประเทศในโลกต่างก็มีกฎหมายที่แตกต่างกัน และที่นี่คือประเทศไทย กฎหมายไทยคือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ คนไทยทั้งประเทศคือคนตัดสินใจ ไม่ใช่นายปิยบุตร
นายปิยบุตรเคยโพสต์ว่าตัวเองกับภรรยาไม่อยากอยู่ประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560 เหตุผลสำคัญที่เป็นเช่นนั้นเพราะภรรยาของนายปิยบุตรบิดเบือนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่จะกลัว ม.112 และรีบหนีไปทำงานต่างประเทศก่อน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นายปิยบุตรจะไสหัวของตัวเองออกไปบ้าง แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น คนหนักแผ่นดินอย่างนายปิยบุตรอยู่ไปก็มีแต่สร้างความแตกแยกไม่รู้จักจบจักสิ้น