วันนี้ 23 ธ.ค. 63 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงที่เกิดให้สมาชิกหารือนั้น
นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอหารือว่าที่มีการออกหมายเรียกตาม กฎหมายอาญามาตรา 112 กับนักศึกษา ประชาชน นักสิทธิมนุษยชน ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนอายุ 16 ปี ในระยะ 1 เดือนเศษที่ผ่านมานี้มีคนโดนหมายเลขด้วยข้อหาตามมาตรา 112 แล้วเกือบ 40 คน
จากการที่อออกหมายเรียกในคดีที่มีอัตราโทษรุนแรง คือจำคุกตั้งแต่ 3 ปี -15 ปี เป็นอัตราโทษที่เทียบกับฐานการเตรียมการก่อการกบฎและเป็นอัตราโทษที่เท่ากับการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
นางอมรัตน์ กล่าวว่าอัตราโทษที่สูงเช่นนี้ ตนได้ร่วมเข้าฟังการสบสวนในหลาย สน. พบว่าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกโดยยังขาดน้ำหนัก มีความบกพร่อง ไม่มีองค์ประกอบของคดีที่ครบถ้วนชัดเจน เป็นการออกหมายเรียกโดยตีความเกินเลยไปจากกฎหมายมาก ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแจกคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล และที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจในปัจจุบันเพียงเพื่อสนองประกาศของนายกฯ เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาว่าจะใช้กฎหมายทุกมาตราที่มีอยู่ มาใช้จัดการกับกลุ่มผุ้ชุมนุมที่ขับไล่ตน ทำให้ประชาคมโลกส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ ก็ได้ออกแถลงการเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดใช้ มาตรา 112 กับผู้ชุมนุมประท้วงโดยสันติ และแสดงความกังวลอย่างย่ิงต่อการที่นำมามาตรา 112 มาใช้กับผู้เยาว์ที่มีอายุเพียง 16 ปี ด้วย”
“ดิฉันขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.ทบทวนท่าทีในการออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดีตามมาตรา 112 ใหม่ ขอให้มีวิจารญาณรอบครอบกว่านี้ ควรออกหมายเรียกที่มีความชอบธรรม ไม่ควรสมยอมกับผู้มีอำนาจใช้กฎหมายกำจัดผู้เห็นต่าง และการทำเช่นนี้จะยิ่งสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนไม่รู้จบและไม่เป็นผลดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งจะทำให้มาตรา 112 เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง”นางอมรัตน์ กล่าว
ซึ่งในวันเดียวกันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว่า
“สิ่งที่ดีๆมันเยอะแยะไป อย่าไปขยายความขัดแย้งกันมากนัก เดี๋ยวก็ไปเรื่องโน้นเรื่องนี้กันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ในส่วนของการดำเนินคดีต่างๆก็เห็นกันแล้วว่าคดีในหลายๆ คดี เป็นเรื่องการพิจารณาของศาล ผมไม่ได้ไปสั่งหรือต้องเข้าไปสั่ง ถึงแม้จะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้วก็เป็นเรื่องของศาลที่ท่านจะพิจารณา ว่าจะลงโทษหรือไม่ลงโทษ หลายคนก็ได้รับการพิจารณาว่าไม่มีความผิดที่อย่างนี้ไม่เห็นพูดกันเลย แต่ไอ้คนผิดมันก็ต้องผิด ส่วนจะผิดมากหรือผิดน้อยก็ขึ้นอยู่กับศาลที่จะพิจารณาในเรื่องของความเป็นธรรม นั่นคือกระบวนศาล กระบวนการยุติธรรมของเรา จะไปทำตามใจชอบใครไม่ได้ ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจศาลและกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด”
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ส.ส.ของนางอมรัตน์ ใช้ตำแหน่ง ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกัน ยื่นขอปล่อยชั่วคราว เยาวชนไทยอายุ 16 ปี ผู้ต้องหาความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตาม ป.อาญา มาตรา 112 และข้อหาอื่นๆ จากการร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร 2563 เมื่อวันที่ 29 ต.ค.