“ดำรง พุฒตาล” แฉเดือด เบื้องหลังขบวนการลักลอบพาเมียนมา เข้าสมุทรสาคร!!

47050

จากกรณีที่ เมื่อวานนี้ 19 ธ.ค. 63 อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมรอง ผบช.ภ.7 พร้อมทั้งผู้ว่าฯ จังหวัดสมุทรสาคร แถลงข่าวด่วนสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดสมุทรสาคร

มีการตรวจคัดกรองในกลุ่มแรงงานต่างด้าว จำนวน 1,192 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 516 ราย คิดเป็นร้อยละ 43 ของผู้ที่ได้รับการตรวจทั้งหมด

นอกจากนี้ยังพบผู้ที่ไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลอีกจำนวนหนึ่งในหลายจังหวัด ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 576 ราย ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ติดเชื้อที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ พร้อมสั่งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวทันที

ต่อมามีการพบผู้ติดเชื้ออีกราย เป็นหญิงวัย 78 ปี อาชีพแม่ค้าย่านประชาชื่น คาดว่าน่าจะติดจากตลาดสด มหาชัย สมุทรสาครเช่นกัน

ล่าสุด นายดำรง พุฒตาล เจ้าของอดีตนิตยสารดังคู่สร้างคู่สม ได้เปิดเผยข้อความผ่านเฟซบุ๊ก คู่สร้างคู่สม (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า

“ผมมีคนที่รู้จักและสนิทสนมกันมาก อยู่ในจังหวัดสมุทรสาครอยู่หลายคนเป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันก็มี เป็นอดีต สส.ก็มี ที่สำคัญเป็นนักธุรกิจใหญ่ทางด้านประมงระดับประเทศ ซึ่งมักจะได้พูดคุยกันในเรื่องการค้าอาหารทะเลอยู่เสมอๆ เพื่อนพ่อค้าคนนี้ ได้บอกมาด้วยความเจ็บปวดว่า วิกฤติโควิดในสมุทรสาครคราวนี้เขาเสียหายเป็น 100 ล้านบาท
เชื้อโควิด 19 ได้บุกเข้ามาในสมุทรสาครนำเชื้อมาโดยตรงจากประเทศเมียนมา หรือพม่า โดยคนพม่า ชาวสมุทรสาครบางระดับรู้ดีว่าพวกหม่องที่นำเชื้อมา ผ่านเส้นทางตามช่องทาง”ธรรมชาติ” หัวละ 10,000 บาท บริการจากช่องทางธรรมชาติส่งให้ถึงที่สมุทรสาครเลย ผมคิดว่าราคา 10,000 บาทนี้ไม่แพงเลย เพราะจากชายแดนพม่ากว่าจะถึงสมุทรสาครนั้นจะต้องผ่าน “ด่าน” ไม่รู้กี่ด่าน เพื่อนบอกว่าก่อนมี โควิดราคาถูกกว่านี้

เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเป็นอดีตกำนันได้สร้างสนามบาสเกตบอลในเขตพื้นที่ของเขาเพื่อให้ลูกบ้านได้มาออกกำลังกายและมีสันทนาการปรากฏว่าทุกเย็นแทบจะไม่มีเด็กไทยไปเล่นบาสเกตบอลในสนามนี้เลย เพราะจะมีแต่คนพม่าเท่านั้นที่เล่นกันเต็มสนามนี่ก็จะบอกได้ว่าจังหวัดสมุทรสาครมีคนพม่าอยู่กันมากมายเต็มเมืองขนาดไหน
และมีความเป็นไปได้สูงว่าในอนาคต. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครอาจเป็นคนพม่าก็ว่าได้
ในฐานะผมเป็นประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิเมาไม่ขับ” ขอเปรียบเทียบว่าเชื้อโควิด19 นั้นเหมือนกับคนเมาแล้วออกไปขับรถซึ่งทั้งสองอย่างนี้เราจะปลอดภัยได้จากโควิด19 คือเราและบ้านเมืองทุกภาคส่วนต้องช่วยกันป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด และในทำนองเดียวกันเราจะปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนก็ต้องขจัดและช่วยกันทุกองคาพยพไม่ให้คนเมาออกมาขับรถนั่นเอง

ในตอนที่โรคเอดส์ HIV ระบาดไปทั่วโลกผมก็ไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อนี้ เพราะถ้าเราไม่ไปส่ำส่อนทางเพศผมก็ไม่มีทางจะได้รับหรือต้องตายด้วยเชื้อ HIV นี้ ในทางตรงกันข้ามผมอาจจะถูกคนเมาขับรถชนผมตายทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ดื่มเหล้าแม้แต่หยดเดียวหรือถ้าผมเดินอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่ผมบังเอิญไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเชื้อโควิดและอาจป่วยตายได้
อีกไม่กี่วันก็จะถึง ” 7วัน อันตรายบนท้องถนน ” จากการเดินทางของคนไทยไปฉลองปีใหม่ในต่างจังหวัด ปีก่อนๆ มูลนิธิเมาไม่ขับของเราก็ช่วยกันโหมประชาสัมพันธ์เตือนสติคนไทยไม่ให้เมาแล้วขับรถแต่ปีนี้เราจำเป็นจะต้องมีจิตสำนึกร่วมกันให้รู้จักป้องกันตัวเองที่จะไม่ให้ได้รับเชื้อจากโควิด19
ปีใหม่ปีนี้ “กร่อยครับ” แต่อย่างไรก็ตามขอสวัสดีปีใหม่จากกรุงเทพฯ
ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเมาไม่ขับ”