จากที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นการชุมนุมของม็อบพุ่งเป้าโจมตีไปที่สถาบันมาโดยตลอด แม้จะอ้างว่าต้องการปฏิรูปแต่กระนั้นพฤติกรรมที่ปรากฎกลับตรงกันข้าม ทำให้แกนนำ และแนวร่วมหลายคนต้องถูกดำเนินคดี นั่นเองทำให้ประชาชนคนไทยต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวอันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์นอร์เวย์ที่น่าสนใจ โดยมีเนื้อความเนื่องจากวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นถวายพระพรชัยมงคลไปยังสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ความว่า
สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ ที่ 5 แห่งนอร์เวย์
กรุงออสโล
ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของฝ่าพระบาท หม่อมฉันขอถวายพระพรชัยมงคล และความปรารถนาดีด้วยใจจริง เพื่อฝ่าพระบาททรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์และทรงพระเกษมสำราญ ทั้งเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและประชาชนชาวนอร์เวย์
หม่อมฉันเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือในกิจการด้านต่าง ๆ ระหว่าง ประเทศของเราทั้งสอง จะเจริญรุดหน้าต่อไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองฝ่าย
(พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ล่าสุดวันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อาจยังไม่เคยรับทราบเรื่องนี้มาก่อน
“สงสารในหลวง เห็นพระราชสาส์นถวายพระพรชัยมงคลไปยัง สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วรู้สึกปวดใจยิ่งนัก เพราะในหลวงของไทยไม่เคยมีบทบาทประมุขแบบในหลวงของนอร์เวย์
ประเทศนอร์เวย์ที่ได้ชื่อว่ามีความเป็นประชาธิปไตยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ Constitutional Monarchy
ในหลวงของนอร์เวย์ ทรงมีบทบาทในฐานะขององค์ประมุขอย่างสมพระเกียรติ ทุกสัปดาห์นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีจะต้องเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรายงานการทำงาน และรับฟังคำปรึกษาแนะนำจากในหลวงของนอร์เวย์ ตลอดจนการออกกฎหมายและการตัดสินใจใดๆในที่ประชุมแห่งนี้ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากในหลวงและการลงนามร่วมจากนายกรัฐมนตรี โดยมีองค์รัชทายาทเป็นผู้สังเกตการณ์ และจัดขึ้นเป็นประจำในทุกวันศุกร์ เวลา 11.00 น. ณ พระบรมมหาราชวัง
ประชาชนชาวไทยไม่เคยมีโอกาสเห็นภาพอะไรแบบนี้ เพราะตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะราษฎรไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างประชาธิปไตยแบบ Constitutional Monarchy แต่กลับสร้างระบอบเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชน บ่อนทำลายบทบาทและลิดรอนพระราชอำนาจอันพึงมีของประมุขในระบอบ Constitutional Monarchy ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา
ในขณะที่ในหลวงของนอร์เวย์ทรงมีบทบาทของประมุข ถือดุลยภาพทางการเมืองการปกครองอย่างสมพระเกียรติ แต่ในหลวงของไทยกลับถูกกีดกันออกจากการเมืองการปกครอง ไม่ให้มีบทบาทที่สำคัญของประมุขอย่างที่ในหลวงของนอร์เวย์มี
แม้แต่ทุกวันนี้ในหลวงของไทยทำอะไรก็ถูกบิดเบือนให้ร้ายด้วยการเชื่อมโยงแบบมั่วๆไปเสียหมด ในหลวงทรงไม่เซ็น เพราะเป็นเรื่องส่วนพระองค์ พวกมันก็บิดเบือนให้ร้าย ในหลวงทรงเซ็น เพราะเป็นเรื่องทางราชการ พวกมันก็บิดเบือนให้ร้าย
ผมไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่า ถ้าในหลวงของไทยมีบทบาทนั่งหัวโต๊ะและประชุมร่วมกับรัฐบาลทุกสัปดาห์แบบในหลวงของนอร์เวย์ ในหลวงของไทยจะถูกบิดเบือนให้ร้ายแค่ไหน ทั้งๆที่เป็นบทบาทที่ถูกต้องขององค์ประมุขในระบอบ Constitutional Monarchy ซึ่งพระราชินีของอังกฤษก็มีเหมือนกัน แต่อาจจะต่างออกไปหน่อยที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษประชุมร่วมกับพระราชินีตามลำพัง เป็นประจำทุกสัปดาห์
ตราบใดที่ในหลวงของไทยยังถูกบิดเบือนให้ร้ายอยู่แบบนี้ แล้วยังมีคนกลุ่มหนึ่งขาดความรู้ความเข้าใจทางการเมืองที่ถูกต้องตกเป็นแนวร่วมของขบวนการสาธารณรัฐตามรอยคณะราษฎร เราจะไม่มีวันออกจากความขัดแย้งแตกแยกและโครงสร้างของระบอบเผด็จการที่สืบทอดมาจากคณะราษฎร แล้วหันมาสร้างประชาธิปไตยแบบ Constitutional Monarchy ที่ถูกต้องและสมบูรณ์ได้เลย
ในหลวงจะไม่ทรงโดดเดี่ยว ผมจะสู้เพื่อปกป้องในหลวง และจะเดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยมี Constitutional Monarchy ที่สมบูรณ์ เพื่อให้ประชาธิปไตยของไทยเกิดขึ้นอย่างแท้จริง #ในหลวงสู้ๆ #สู้เพื่อในหลวง #สู้เพื่อประชาธิปไตยปวงชน”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คือเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 สำนักพระราชวังแห่งนอร์เวย์เผยแพร่ข้อความพระราชสาส์นในสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ ทรงแสดงความยินดีพระทัยและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 10 แห่งราชจักรีวงศ์ ขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 ทรงอำนวยพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์และสมาชิกราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และพระเกษมสำราญและ เพื่อทรงเป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยยิ่งยืนนาน และขอให้ประเทศไทยจงประสบแต่ความรุ่งเรืองในทุกด้านสืบไป
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนอร์เวย์มีความแน่นแฟ้นและมั่นคงยาวนานตั้งแต่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการที่ราชอาณาจักรสยามเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกที่ให้การยอมรับนอร์เวย์ในการเป็นรัฐเอกราช หลังแยกเป็นอิสระจากสวีเดนเมื่อเดือนมิ.ย. 2448 หลังจากนั้นในปี 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสนอร์เวย์อย่างเป็นทางการเพื่อทรงเจริญสัมพันธไมตรี ในฐานะทรงเป็นพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7
อนึ่ง หลังการแยกตัวเป็นรัฐเอกราชของนอร์เวย์ออกจากสวีเดน ไทยและนอร์เวย์ได้ลงนามร่วมกันอีกครั้งในสนธิสัญญาว่าด้วย “มิตรภาพ การพาณิชย์ และการเดินเรือ” ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากสนธิสัญญาฉบับเดิมที่ลงนามร่วมกันในปี 2411 ในรัชสมัยของบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เกิดขึ้นในขณะที่สวีเดนและนอร์เวย์ยังเป็นประเทศเดียวกัน
นั่นคือข้อมูลที่บอกว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งและเชื่อว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อน เช่นนี้เองที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปี เราจึงได้เห็นการแสดงออกของพสกนิกรต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความรักเคารพและเทิดทูน และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป!!!