ลุ้นรัฐไฟเขียว?!!? เปิดด่านฟื้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับโอกาสเพื่อนบ้าน คาดครึ่งปีหลังฉลุย

1878

ภาครัฐมีแนวคิดจะเปิดด่านพรมแดนหลายจุด และอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเปิดได้เป็นทางการเร็ว ๆ นี้ เบื้องต้นจะเปิดให้เฉพาะการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังห้ามคนเข้าออกเช่นเดิมเพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19  เมื่อวัคซีนต้านโควิดยังไม่มี ยังต้องระมัดระวังไว้ก่อน แม้ที่ผ่านมาสภาพการค้าชายแดนจะหดตัวแรงแต่คาด 6 เดือนหลังและต้นปี 64 จะฟื้นตัวดีขึ้นแน่นอน รัฐเปิดด่านเร็วเท่าไหร่เศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็วเท่านั้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยทั้งปี 63 จะยังหดตัวแรงที่ร้อยละ 12.8 (YoY) หลังจากนั้นด้วยอานิสงส์ของฐานการส่งออกที่ต่ำในปีนี้ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านในภาพรวมมีส่วนช่วยให้ สภาวะการค้าชายแดนและผ่านแดนไทยปรับตัวดีขึ้นในปี 64

ภาคธุรกิจคงต้องเผชิญความเสี่ยงจากรายรับที่ลดลงหนักกว่าปีอื่นๆ ขณะเดียวกันยังต้องแบกรับภาระรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในการจัดเตรียมสิ่งป้องกันเชื้อ อุปกรณ์ทำความสะอาด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ เปลี่ยนพนักงานขับรถท้องถิ่น รวมถึงเปลี่ยนรถเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการผ่านแดนในแต่ละประเทศ

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบททดสอบความพร้อมของภาคธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนในการบริหารจัดการคลังสินค้า การกระจายสินค้า การวางแผนการตลาดใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุน ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอนที่จะอยู่กับเราไปอีกระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้มาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยจะกลายเป็นแนวทางที่นานาชาติให้ความสำคัญมากขึ้น จากเดิมประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็มักจะหยิบขึ้นมาใช้เป็นประเด็นกีดกันการค้ากับไทยอยู่ตลอด

สำหรับในปี 62 การส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารนับว่ามีบทบาทสำคัญช่วยขับเคลื่อนการค้าชายแดนของไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกผ่านชายแดน 157,521 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการส่งออกชายแดนและผ่านแดนทั้งหมดของไทย ซึ่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนักทำให้การส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 63 หดตัวถึงร้อยละ 10.6 (YoY) มีมูลค่าส่งออกเหลือ 209,231 แสนล้านบาท

ขณะที่มาตรการสกัดวิกฤติโควิด-19 ของแต่ละประเทศทำให้การส่งออกสินค้าอาหารในช่วง 4 เดือนแรกของปี 63 หดตัว 15.0% (YoY) มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 46,864 ล้านบาท โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าอาหารสด ผักและผลไม้ที่เน่าเสียง่ายต้องแข่งขันกับเวลาจึงได้รับผลกระทบมากที่สุดหดตัวถึง 38.1% (YoY) เพราะไม่สามารถรอเวลาการข้ามแดนได้นานและมีต้นทุนสูงในการปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่ง ขณะที่สินค้าอาหารแปรรูปมีความคล่องตัวในการขนส่งมากกว่าจึงยังสามารถขยายตัวได้ 2.0% (YoY)

สำหรับการค้าชายแดนไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังคงต้องรับมือกับมาตรการผ่านแดนที่ไม่แน่นอนของแต่ละประเทศยิ่งเพิ่มภาระให้แก่การขนส่งสินค้าโดยเฉพาะมาตรการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศมีผลให้การส่งสินค้าไป สปป.ลาว หรือใช้ สปป.ลาว เป็นทางผ่านเผชิญอุปสรรคมากที่สุด ผู้ขนส่งสินค้าต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว เพื่อให้ชาว สปป.ลาวมารับสินค้าไปกระจายต่อจากเดิมที่คนขับรถไทยสามารถขนสินค้าเข้าไปใน สปป.ลาวได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวยังคงมีใช้ต่อเนื่องจนเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าไปยังเวียดนามและจีนซับซ้อนมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้โควิด-19 จะทยอยดีขึ้น แต่บางมาตรการของ สปป.ลาวยังคงมีผลจนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายอย่างแท้จริง อีกทั้งมีบางมาตรการอาจถูกปรับใช้มากขึ้นอันจะส่งผลต่อผู้ประกอบการขนส่งสินค้าอาหารของไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับวิถีปฏิบัติแบบใหม่ (New Normal) ดังนี้

การขนส่งสินค้าอาหารสด ผักและผลไม้ต้องเผชิญอุปสรรคไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะการส่งไปเวียดนามและจีนที่ต้องผ่าน สปป.ลาว โดยเส้นทาง R3A (จากจังหวัดเชียงราย-สปป.ลาว-มณฑลยูนนานของจีน) ที่ขาดแคลนคนขับรถชาว สปป.ลาว และชาวจีน ในการรับช่วงขนสินค้าทั้งใน สปป.ลาว และในจีน เมื่อบวกกับมาตรการที่ใช้มาตั้งแต่เกิด COVID-19 ในการห้ามรถและคนขับต่างชาติเข้าประเทศทำให้การส่งสินค้าจากไทยไปจีนต้องเปลี่ยนรถและคนขับ 2 ครั้ง (ที่พรมแดนไทย-สปป.ลาว และที่พรมแดน สปป.ลาว-จีน) จากเดิมที่เปลี่ยนรถครั้งเดียวโดยใช้รถและคนขับไทยวิ่งไปถึงพรมแดน สปป.ลาว-จีน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นรถและคนขับจีน

ขณะที่การส่งผ่านพรมแดน สปป.ลาว ในจุดเส้นทาง R9 และ R12 มีความยืดหยุ่น สามารถแก้ปัญหาการขนส่งได้คล่องตัวกว่า แต่ก็ทำให้มีต้นทุนการขนส่งเกินจำเป็นเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ หากมองในภาพรวมการขนส่งสินค้าอาหารสด ผักและผลไม้ทางชายแดนของไทยเกือบทั้งหมดพุ่งตรงไปยังเวียดนามและจีน ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 การส่งออกอาหารสด ผักและผลไม้คิดเป็น 42% ของการส่งออกอาหารทางชายแดน แต่พอประสบปัญหาการขนส่งทำให้มีสัดส่วนลดลงเหลือเพียง 31% และมีมูลค่าส่งออกเหลือเพียง 14,460 ล้านบาทเท่านั้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 63 (จากเดิม 23,362 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 62)

นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นายด่านศุลกากรมุกดาหาร เปิดเผยว่า ด่านศุลกากรมุกดาหารไม่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ หรือมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ช่วงที่ผ่านมามากนัก การนำเข้า-ส่งออกสินค้ายังปกติ จากตัวเลขการค้านำเข้า-ส่งออก ม.ค.-มิ.ย. 2562 มูลค่า 86,000 ล้านบาท เทียบ ม.ค.-มิ.ย. 2563 มูลค่าการค้านำเข้าส่งออกรวมเพิ่มเป็น 100,600 ล้านบาท ขยายตัว 6.4% สินค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปจีน และส่งออกสุกรไปยังเวียดนาม