สาวพูดในฐานะคนเป็นแม่! เตือน”เยาวชน” โกนผม-เปลือยอกชุมนุม “แกนนำมีเงินใช้ แต่พวกหนูหมดอนาคต”
จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่ม “เฟมินิสต์ปลดแอก” ได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ “เปลือย” โดยเคลื่อนขบวนจากปากซอย 2 ถนนสีลม เพื่อจัดกิจกรรม ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีการตั้งเวทีปราศรัย เพื่อให้แกนนำสื่อสารข้อเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
นอกจากนี้ กลุ่มผู่ชุมนุมได้นำธงสีรุ้งขนาดใหญ่คลุมมาพันรอบป้อมวางพานทูนฉบับรัฐธรรมนูญ และนำธงสีรุ้งขนาดเล็กมาปักรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแฟนซีน้อยชิ้น ชุดว่ายน้ำทูพีซ ชุดสายเดี่ยวเอวลอย ขณะที่กลุ่มสมาชิกที่เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จะมีการสวมหมวกไหมพรม และหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าไว้
ต่อมา มีมี่ เยาวชนอายุ 17 ปี ได้ประกาศกลางเวทีปราศัย จะโกนหัวประท้วง จนกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะลาออก เผย ตอนนี้ลาออกจากโรงเรียนแล้ว เพื่อมาเคลื่อนไหวอยู่ข้างประชาชนที่ต้องทุกข์ทนกับการบริการงานของรัฐบาล ทิ้งท้ายถึงคุณครู หนูยังเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ซึ่งต่อมาก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุดทางผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Punch Kongkerdsuk ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนที่ร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ โดยระบุข้อความว่า
ตกใจเหมือนกันนะ ที่เมื่อวานในม็อบมีเยาชนทั้งโกนหัว ทั้งเปลือยอก พูดในฐานะคนเป็นแม่ และอยากมีลูกสาวใจจะขาด อยากเตือนสติสักหน่อยนะ
พี่ไม่คิดจะว่าว่าน้องโง่ แต่จะบอกว่าน้องโดนปั่นเป็นเฟรปเป้คาปูชิโน่เพิ่มวิปเพิ่มอัลมอนด์ขั้นสุดเลยล่ะ และมันเลวร้ายตรงที่ว่า สมัยนี้มันมีอินเตอร์เน็ต มันจะอยู่หราแบบนั้นไปจนไปกว่าโลกจะแตกน่ะแหละ
อย่าทำตัวเป็นเทียน เป็นพลุไฟที่ยอมให้ตัวเองหลอมละลาย มอดไหม้ เพียงเพื่อความสมใจ ความสุขของคนอื่น
รักประชาธิปไตย ต้องอยู่บนพื้นฐานของความ “รักตัวเอง” หนูไม่รู้ และไม่มีวันรู้ว่าอนาคตหนูจะไปได้ไกลขนาดไหน หนูอาจจะได้เจอคนดีๆ แต่งงานมีครอบครัว หรืออาจจะได้เป็นซีอีโอบริษัท และวันหนึ่งที่ภาพเหล่านั้นมันตามมาทวงถาม หนูเข้มแข็งพอที่จะเผชิญความจริงหรือไม่อย่างไรคะ
พ่อแม่เป็นคนแรกที่สวมเสื้อผ้าให้เรา อย่าให้ใครหรืออะไรที่มันขมุกขมัว สลึมสลือ มาถอดออกไปได้ง่าย ๆ สิคะ
สิ่งที่พี่หรือป้าคนนี้พูด อาจฟังดูโบราณ คร่ำครึ แต่ถ้าตราบใดมนุษย์ยังสืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยฮีโมเซเปียนส์ มันก็ถูกบล็อคความคิด จิตสำนึกแบบนั้นมาเหมือนกัน ที่ไม่มีผู้ชายหน้าไหน ยินดีปรีดากับการที่หนูไปโชว์เต้า โกนหัว หรือ ออกจากระบบการศึกษา เพียงเพราะความเชื่อทางการเมือง ที่พริ้วไหวตามกระแสสังคม
หนูมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น ต่อสู้เพื่อสิ่งที่หนูเชื่อ แต่ต้องไม่เอาตัว หรือ อนาคตตัวเองเข้าแลก
แกนนำมีเงินนอนสบายๆ อยู่ในบัญชี เขาสามารถดูแลตัวเองได้ แต่หนูไม่มี…
ปริญญา คือ ใบเบิกทางที่จะทำให้หนูเอาไปแลกเงิน แบกประสบการณ์ชีวิต แลกคนดีๆ เข้ามา อนาคตยังอีกยาวไกลหนูจ๋า ไม่ได้จบแค่ในรัฐบาลชุดนี้หรอก ฟังคนรุ่นนี้เขาเตือนบ้างเถอะ จริงค่ะที่พวกน้องค่อนแคะว่าอนาคตของชาติ คือ พวกหนู ไม่ใช่สลิ่มรุ่นแง้มฝาโลงอย่างพี่ แต่เท่าที่พี่เห็น อนาคตน้องน่าจะกุดไปครึ่งแล้วล่ะ ถ้ายังแทงเสียหมดหน้าตักแบบนี้ ถ้าหนูบอกว่าหนูไม่ได้โง่ ก็ช่วยเอาสิ่งที่พี่พูดไปคิดสิคะ ว่าที่พี่พูดมา มีตรงไหนที่ผิด
