คนอเมริกันเตรียมรับจลาจลหลังเลือกตั้งอย่างเคร่งเครียด ธุรกิจรับจ้างนำแผ่นไม้มาปิดตามกระจกหน้าร้านช่วงเลือกตั้งบูม ขณะที่ร้านอาหารและอื่นๆซบเซา เชื่อเลือกตั้งจบ-จลาจลและความรุนแรงจะเริ่ม ไม่ว่าใครได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ทั้งทรัมป์และไบเดนรวมทั้งทีมรณรงค์เลือกตั้งของทั้งสองพรรค ตลอดจนสาวกของทั้งสองฝ่าย ต่างมีท่าทีจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และร้านค้าต่างๆพากันป้องกันตนเองโดยจ้างช่างปิดแผ่นไม้ทั้งประตูและหน้าต่างอย่างจริงจัง พายุแห่งความเกลียดชังรุนแรงกว่าภัยพิบัติธรรมชาติอย่างน่าตกใจ
ก่อนหน้าการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวิตและแสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ เพราะมีข้อสงสัยแคลงใจกับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ อ้างว่าเป็นช่องทางทุจริต และชี้ต้องไปจบที่ศาลสูงและจั่วหัวว่า ถ้าในศาลสูงให้ไบเดนชนะก็แสดงถึงการแทรกแซงศาล ขณะที่โจ ไบเดนคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครตได้ประกาศกร้าวผ่านการหาเสียงวันสุดท้ายในรัฐสมรภูมิว่า หากได้เป็นประธานาธิบดีจะไล่ทรัมป์ออกทุกตำแหน่ง และจ้างนายแพทย์เฟาซี่แทน ตอบโต้ทรัมป์ที่จะไล่เฟาซี่ออกเพราะแก้ไขปัญหาโควิดไม่ได้เรื่องทำเขาเสียคะแนน
ทีมหาเสียงของไบเดน ตอกย้ำตลอดการรณรงค์ว่า ทำเนียบขาวสนับสนุนสาวกกลุ่มคลั่งผิวขาวสูงสุดที่เป็นลัทธิขวาจัดนิยมรุนแรง
หลักฐานยืนยันว่าน่าจะเกิดความไม่สงบหลังการเลือกตั้งคือ การที่ร้านค้าทั้งแบรนด์หรูตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆกลางเมือง และร้านค้ารายย่อยที่อยู่ใกล้ถิ่นชุมนุมยืดเยื้อ พากันปิดแผ่นไม้แน่นหนา
ร้านค้าจำนวนมากในนิวยอร์กซิตี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านหรูใจกลางแมนฮัตตัน พร้อมใจกันปิดร้านในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากใกล้ถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งมีกระแสคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายหรือจลาจลเนื่องจากผลการเลือกตั้ง
-นสพ.นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า พนักงานในร้านชื่อดัง เช่น Staples, Ann Taylor และ Bed Bath & Beyond ในย่านเชลซี ได้นำแผ่นไม้มาปิดกระจกหน้าร้านเพื่อป้องกันการขโมยของ ขณะที่ธุรกิจที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบางส่วน เช่น Argo Tea และภัตตาคาร Rosa Mexicana ที่บรอดเวย์ ต่างปิดทำการชั่วคราวแล้ว
-นสพ.เวิลด์ เจอร์นัลรายงานว่า แบรนด์ดังอย่าง Chanel, Dior และ Fendi ต่างก็นำแผ่นไม้มาปิดกระจกหน้าร้านเพื่อป้องกันการขโมยของที่หน้าร้านในห้างเมซีส์ ในเฮรัลด์สแควร์ ใจกลางแมนฮัตตันเช่นกัน
สำนักงานตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) ประกาศว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช่วงการเลือกตั้งปีนี้มากกว่าเดิม เนื่องจากกังวลว่าอาจเกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่เป็นผลมาจากการเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับตาดูจุดเลือกตั้ง 1,201 แห่งทั่วเมืองในวันที่ 3 พ.ย. รวมถึงโรงเรียนรัฐ 708 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งใหม่ที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน และลินคอล์น เซ็นเตอร์ในแมนฮัตตัน และบาร์เคลย์ส เซ็นเตอร์ในบรูคลิน
ที่ชิคาโก ร้านค้าและบริษัทในมิชิแกนอะเวนิวย่านช้อปปิ้งดัง ได้จ้างช่างนำไม้มาปิดกระจกหน้าร้านและหน้าต่างทุกบาน เตรียมรับผลการเลือกตั้ง นายอะดัม สแคฟ โฆษกสมาคมห้างแม็กนิฟิเซนต์ไมล์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอ็นบีซี ห้างนี้เป็นสถานที่ประสานกับทางการแจ้งข่าวสารการเลือกตั้งแก่สมาชิก
ห้างวอลมาร์ท ซึ่งได้นำปืนและกระสุนออกจากตู้โชว์หน้าร้านและชั้นจำหน่ายในห้างเมื่อสัปดาห์ก่อนกลับเปลี่ยนใจนำมาวางอีก เพราะลูกค้ามาถามสนันและยอดสั่งทางออนไลน์เพิ่มสูง
นายทอม บุยโอชิ ผู้บริหารบริษัทให้บริการด้านซอฟแวร์กล่าวว่า “อันที่จริงการนำแผ่นไม้มาปิดหน้าร้าน เป็นวิธีพื้นฐานที่ประชาชนใช้รับมือกับน้ำท่วมหรือพายุเฮอริเคน” “แต่ครั้งนี้ทำเพื่อปัญหาความไม่สงบในสังคมที่ดำเนินมาตั้งแต่ฤดูร้อนของปีนี้และเตรียมรับมือความวุ่นวายหลังการเลือกตั้ง”
ในขณะที่ยังไม่มีการคาดการณ์ความเสียหายจากการทุบทำลายสถานที่ในระหว่างการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในปี 2020 นี้ แต่ในอดีต เรื่องนี้ลอเร็ตตา วอร์ตเตอร์จากสถาบันด้านการประกันสังคมสหรัฐ เคยสรุปความเสียหายเป็นเงิน 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1992 ที่เกิดการประท้วงใหญ่เรื่อง “รอตนีคิง”ในลอสแองเจลิส ปัจจุบันมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
วอร์เตอร์กล่าวว่า ปีนี้ความเสียหายน่าจะอยู่ที่ 500-900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มันอาจเพิ่มถึง 1-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ เพราะคนแพ้ย่อมกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างมาก เปรียบเทียบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากพายุเฮอริเคนลอราจำนวน 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และไฟป่าในแคลิฟอร์เนียที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แมทท์ ฮิลตัน ที่ปรึกษาผู้ร่วมทุนที่เชี่ยวชาญและควบคุมความเสี่ยง กล่าวว่า บริษัทต่างๆจ่ายเงินค่าประกันเพิ่มทั้งด้านภัยพิบัติ วาตภัย ไฟป่า เฮอริเคน และเพิ่มการจลาจลจากการประท้วงซึ่งรวมถึงการถูกปล้นร้านค้า และทำลายสิ่งของด้วย หลายบริษัทประสพปัญหาการได้รับเงินเยียวยาเพราะ งบประมาณเยียวยารอบสองของสหรัฐไม่สามารถได้ข้อยุติในสภาคองเกรส แต่ต้องตั้งทีมบริหารความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยของบริษัทฯ
บรูซ คลอร์ เจ้าของร้ายจีซีดีซีบาร์ปิ้งชีส ที่อยู่ย่านทำเนียบขาว กล่าวว่า ธุรกิจห้างร้านบริเวณนี้ชลอการเปิดร้านและเจ้าของพื้นที่ขอให้จ่ายค่าใช้จ่ายในการปิดแผ่นไม้ทั้งประตูหน้าต่างเพื่อความปลอดภัย เขายังจะเปิดร้านแต่สั่งให้ลูกน้องปิดร้านทันทีถ้าเกิดเหตุรุนแรงช่วงหลังเลือกตั้ง ทุกคนได้รับการฝึกอบรมในการรับมือกับผู้ประท้วงที่โกรธแค้นและผู้ประท้วงบางคนไม่ยอมสวมหน้ากาก “เราเป็นส่วนหนึ่งของความสูญเสียทางเศรษฐกิจนี้” ในช่วงเวลาหกปีก่อนที่เขาเปิดร้านอาหารนี้กับบุตรชาย เขาไม่ได้เตรียมรับมือความรุนแรง เขาพร้อมเปิดร้านต้อนรับทั้งสองฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกัน และทั้งสองฝ่ายก็ล้วนมีแซนด์วิชและเครื่องดื่มในมือ แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว
“เราหวังว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นวันที่วุ่นวายและมีแต่คนที่มีความสุข แต่ถ้าไม่เราก็ต้องเตรียมพร้อมกับมือเรื่องนี้”