ในหลวงและพระราชินี ทรงจำชายชูพระบรมฉายาลักษณ์ กลางม็อบปิ่นเกล้าได้ ตรัสชมกล้ามาก ขอบใจมาก

5201

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงจำ ชายยืนเดี่ยวชูพระบรมฉายาลักษณ์  ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณปิ่นเกล้าได้ ตรัสชม กล้ามาก ขอบใจมาก

จากกรณีที่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 ตุลาคม 2563 มีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมารวมตัวที่ปิ่นเกล้า แต่การชุมนุมในครั้งนี้ได้มีชายคนหนึ่ง ยืนเดี่ยวชูพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อแสดงออกให้ชาวไทยที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณปิ่นเกล้า ทำให้กลุ่มผู้จงรักภักดีต่อสถาบันชื่นชมและเป็นที่ประทับใจถึงการกระทำดังกล่าวของชายคนนี้

ล่าสุดวันที่ 23 ตุลาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ณ พระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระลานพระราชวังดุสิต เนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคต โอกาสนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จในการนี้ด้วย

โดยพสกนิกรชาวไทยต่างปลาบปลื้มเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ  ทั้งสองพระองค์ทรงแย้มพระสรวลทักทายอย่างใกล้ชิด สร้างความปลื้มปิติให้แก่พสกนิกร

ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Thitiwat Tanagaroon ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คส่วนตัวของชายคนที่ยืนเดี่ยวชูพระบรมฉายาลักษณ์ กลางม็อบปิ่นเกล้า โดยในคลิป ชายคนดังกล่าวได้บันทึกภาพบรรยากาศการรับเสด็จในหลวง ที่กำลังทรงทักทายพสกนิกร เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาถึงชายคนดังกล่าว ในหลวงและพระราชินีก็ทรงทักทายและทรงบอกว่า จำชายคนนี้ได้ ที่ยืนชูพระบรมฉายาลักษณ์ แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมกับแย้มพระสรวลและตรัสชมว่า “กล้ามาก ขอบใจมาก” พร้อมตบไหล่ให้กำลังใจ โดยคลิปดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโชเชียลจำนวนมาก สร้างความประทับใจให้แก้พสกนิกรชาวไทยอย่างยิ่ง

ผมจะเป็นลมครับ พระองค์ท่านจำผมได้

Posted by Thitiwat Tanagaroon on Friday, October 23, 2020

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Thitiwat Tanagaroon