จับตาดุลอำนาจใหม่!?มาร์กอสคืนชีพ จับมือดูเตอร์เต ประกาศเน้นปรองดอง กุมอำนาจสูงสุดฟิลิปปินส์

1857

อาเซียนระทึก เมื่อการนำสูงสุดกำลังเปลี่ยนมือจาก ดูเตอร์เต ไม่สู่มาร์กอส สื่อวิเคราะห์ว่าตระกูลมาร์กอส-ดูเตร์เตเตรียมจับมือ เพื่อกุมอำนาจสูงสุดทางการเมืองในฟิลิปปินส์ ภายใต้การกลับมาของตระกูมาร์กอส เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี เมื่อนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้ง ร่วมด้วยการเป็นพันธมิตรกับว่าที่รองประธานาธิบดี บุตรสาวของอดีตปธน.ดูเตอร์เต

วันที่ 10 พ.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์และสเตรทไทมส์รายงานว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์มีคะแนนนำคู่แข่งอย่างถล่มทลายอย่างไม่เป็นทางการ นำมาเป็น อันดับหนึ่งหลังจากนับคะแนนไปได้ร้อยละ 81.8 โดยนายมาร์กอส จูเนียร์มีคะแนนถึง 26.3 ล้านเสียง มากกว่า   นางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีที่ได้คะแนนเพียง 12.5 ล้านเสียง ทั้งนี้นายมาร์กอส จูเนียร์ต้องการคะแนน อีกเพียง 1.2 ล้านเสียงเพื่อชนะการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 17 ของฟิลิปปินส์ ขณะที่คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ รวมถึงหน่วยงานที่ดูแลความเรียบร้อยร่วมกับตำรวจและทหาร ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์ ยุติธรรม

นั่นหมายความว่า มาร์กอส จูเนียร์เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ของฟิลิปปินส์อย่างไม่ต้องสงสัย 

นักวิเคราะห์ข้อมูลกล่าวว่าแนวโน้มดังกล่าวชี้ให้เห็นว่านายมาร์กอส จูเนียร์ได้รับคะแนนเสียงระหว่าง 27 ล้านถึง 32 ล้านเสียงในท้ายที่สุด ส่วนคู่แข่งคือนางเลนี โรเบรโด(Robredo) จะได้รับมากที่สุด 15 ล้านเสียง

นางสาวซาร่า ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ วัย 43 ปี รองประธานาธิบดีของนายมาร์กอส จูเนียร์ ลูกสาวของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ที่ลาออก เตรียมรับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ด้วยคะแนนนำ 18 ล้านโหวตเหนือวุฒิสมาชิกอันดับสอง กิโก ปังจิลินัน อายุ 58 ปี รองประธานาธิบดีของนางสาวโรเบรโด .

ผลของคืนวันจันทร์สอดคล้องกับโพลความคิดเห็นที่คาดการณ์ว่าจะชนะอย่างถล่มทลายสำหรับทั้งนายมาร์กอส จูเนียร์ และนางสาวดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ

เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่ท่วมท้น ผู้สนับสนุนของเขาโห่ร้อง ตะโกน และเต้นรำไปกับเพลงเดินขบวน Bagong Lipunan (New Society) ซึ่งเป็นเพลงประกอบการประกาศกฎอัยการศึกของบิดาเขาในอดีต ณ สำนักงานใหญ่การหาเสียงของกรุงมะนิลาทางตะวันออก

นายปีเตอร์ มัมฟอร์ด หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมือง ยูเรเซีย กรุ๊ป กล่าวว่า “ช่องว่างขนาดใหญ่ทางการเมืองถูกถมอย่างลงตัว”

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากในวันจันทร์ที่ออกมาในช่วงเช้าของวันสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้อย่างดุเดือดในการแข่งขันทางการเมืองในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะสิ่งที่ผู้สมัครชั้นนำ 2 อันดับแรกเป็นตัวแทนแนวคิดต่างกันสองขั้ว

นายมาร์กอส จูเนียร์ อ้างว่าตัวเองเป็น “ผู้สมัครรับเลือกตั้งต่อเนื่อง เป็นผู้ที่จะสืบทอด ปฏิบัติตามนโยบายของนายดูเตอร์เตและต่อยอดให้ก้าวหน้าต่อไป  ซึ่งรวมถึงการทำสงครามยาเสพติดและการสร้างสายสัมพันธ์กับจีน

สำหรับผู้วิพากษ์วิจารณ์ เขาเป็นตัวแทนของการกลับมาสู่อำนาจของครอบครัวการเมืองที่ถูกบันทึกในศาล เป็นคดีทางประวัติศาสตร์มีส่วนรับผิดชอบต่อระบอบการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตยในช่วง 20 ปีของบิดาของเขา ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นเผด็จการและคอรัปชั่น ซึ่งสิ้นสุดลงในปี 2529 เมื่อการจลาจลของพลเรือนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบังคับให้ มาร์กอสหลบหนีในที่สุด

ในทางกลับกัน นางโรเปรโดเป็นทายาทของขบวนการประชาธิปไตยในปี 1986 ที่ขับไล่มาร์กอส ซีเนียร์ เธอได้ต่อต้านการหาเสียงของมาร์กอสจูเนียร์ที่ว่าหลายปีที่ผ่านมาของการปกครองโดยมาร์กอสนั้นมีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง แต่การก่อจลาจลในปี 2529 เป็นเพียงการทำรัฐประหาร ที่ควบคุมโดยชนกลุ่มน้อยที่มีอำนาจ

นางโรเปรโดยังกล่าวอีกว่าเธอจะย้อนกลับการกระทำหลายอย่างของอดีตปธน.ดูเตอร์เตทั้งหมด

People queue outside a polling precinct to cast their ballots, during the national elections in Tondo, Metro Manila, Philippines, May 9, 2022. REUTERS/Willy Kurniawan