อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว!? “วาลี” มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลก เผ่นหนีออกจากยูเครน พร้อมแฉหมดเปลือก ผ่านสื่อใหญ่ฝรั่งเศส!?
สืบเนื่องจากกรณีที่ได้มีการรายงานไปทั่วโลกว่า “วาลี” สไนเปอร์ระดับโลก ได้เสียชีวิตแล้ว หลังเข้าร่วมรบกับกองกำลังยูเครน เพื่อต่อต้านการบุกจากรัสเซีย แต่หลายๆคนต่างมองว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
โดยล่าสุดทางด้านของ วาลี ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว กับสื่อชื่อดังของฝรั่งเศส โดยทางด้านของ ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Yuttana Phattanapredee แปลข่าวดังกล่าวโดนอ้างอิงจาก สำนักข่าว lapresse โดยมีรายละเอียดว่า
ไม่ใช่ข่าวลือ! “วาลี” มือสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลกเผ่นออกจากยูเครนแล้ว! แฉแหลกผ่านสื่อฝรั่งเศส เผยทหารเกณฑ์ยูเครนไร้ประสบการณ์รบ
ชี้ ผบ.สั่งการล้มเหลวและไม่รับผิดชอบแถมยักยอกเงินค่าจ้าง ลั่นแม้แต่อาหารก็ต้องหาเอง เผยโชคดีที่ชาวบ้านช่วยเหลืออาหารและนํ้ามันบางส่วน
ยอมรับในสงครามยูเครน-รัสเซียได้ยิงปืนจริงแค่ 2 นัดเท่านั้นโดยยิงเข้าที่หน้าต่าง เปรยเป็นการยิงขู่ไม่ได้ฆ่าใคร ชี้ยูเครนสูญเสียทหารในแนวหน้า เชลยศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้กับรัสเซีย
ล่าสุดสื่อ La Presse ของฝรั่งเศสรายงานว่า เป็นระยะเวลา 2 เดือนหลังจากการตอบสนองต่อการเรียกร้องของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน นักแม่นปืนวาลี “Wali” ได้เดินทางออกจากยูเครน และกลับมาที่รัฐควิเบกของแคนาดา โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าเขาเกือบจะเสียชีวิตที่นั่นหลายครั้ง
แต่ทหารรับจ้างต่างชาติส่วนใหญ่ ที่ได้ร่วมกับกองทัพยูเครนแบบเขากลับจากไปอย่างผิดหวังอย่างขมขื่น ถูกห้อมล้อมด้วยหมอกแห่งสงครามโดยที่ไม่เคยได้ขึ้นเป็นแนวหน้าเลยสักครั้ง
“ผมโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มันเข้ามาใกล้จริงๆ” วาลี อดีตสังกัดกรมทหารราบที่ 22 แห่งกองทัพแคนาดา (Royal 22nd Regiment) กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ La Presse ของฝรั่งเศสในบ้านของเขาในเมืองมอนทรีออลในรัฐควิเบกของแคนาดา
ภารกิจสุดท้ายของเขาในภูมิภาคดอนบาส ในหน่วยยูเครนที่สนับสนุนทหารเกณฑ์ ค่อนข้างเร่งรัดการกลับมาของเขา ในช่วงเช้าตรู่ เมื่อเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใกล้สนามเพลาะที่โดนโจมตีจากรถถังของฝ่ายรัสเซีย ทหารเกณฑ์สองคนออกมาจากผ้าห่มเพื่อสูบบุหรี่
“ผมบอกพวกเขาว่าอย่าเปิดเผยตำแหน่งแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ฟังผม”
วาลีกล่าว กระสุนที่ “แม่นยำสูง” จากรถถังของฝ่ายรัสเซียก็ปะทุขึ้นข้างๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ผมอยู่ “มันระเบิดอย่างรุนแรง ผมเห็นเศษกระสุนผ่านไปเหมือนเลเซอร์ ร่างกายของผมเกร็งขึ้น ผมไม่ได้ยินอะไรเลย หูผมดับไปชั่วขณะ และรู้สึกปวดหัวทันที กระสุนรถถังของรัสเซียมันมีความรุนแรงจริงๆ”
ผมเข้าใจทันทีว่า ไม่มีอะไรต้องทำเพื่อทหารเกณฑ์ชาวยูเครนสองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของผม ขณะถูกโจมตีอย่างหนัก “มันมีกลิ่นของความตาย มันยากที่จะอธิบาย มันเป็นกลิ่นที่น่าขยะแขยงของเนื้อไหม้เกรียม กลิ่นกำมะถันและสารเคมี กลิ่นนั้น”
“สงครามและกองทัพรัสเซียนั้นเป็นเครื่องจักรสงคราม กองทัพยูเครนสูญเสียทหารในแนวหน้า เชลยศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากให้กับกองทัพรัสเซีย”
หลังจากใช้เวลาสองเดือนในยูเครน วาลีได้รับการประเมิน “ค่อนข้างน่าผิดหวัง” ในการส่งกองกำลังอาสาสมัครชาวตะวันตก ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม หลังจากได้รับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จำนวนอาสาสมัครที่ปรากฏตัวมากกว่า 20,000 ตามการประมาณการที่แตกต่างกัน
มีขนาดใหญ่มากจนรัฐบาลยูเครนต้องจัดตั้งกองพันระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันดินแดนของประเทศยูเครนอย่างเร่งด่วนในวันที่ 6 มีนาคม แต่สำหรับอาสาสมัครส่วนใหญ่ที่ปรากฏตัวที่ชายแดน การเข้าร่วมหน่วยทหารเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
“เซเลนสกี พยายามดึงดูดทุกคน แต่ในสนามรบ ผู้บัญชาการระดับสูงในแนวหน้าพื้นสู้รบออกคำสั่งสุดมั่วและไม่รับผิดชอบ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรา พวกเขาสั่งการและจัดระเบียบในหน่วยรบอย่างล้มเหลว ทำให้ทหารรับจ้างหลายคนต้องละทิ้งหน้าที่ไป
รัฐบาลและกองทัพของยูเครนมีระบบบริหารจัดการที่ห่วยแตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนพยายามยักยอกเงินค่าจ้างของพวกเขา แม้แต่อาหารพวกเราก็ต้องหาเอง แต่ก็ยังโชคดีที่ชาวบ้านมอบให้อาหารและน้ำมันเบนซินบางส่วนสำหรับเติมยานพาหนะ” วาลีกล่าวเสริม
วาลีกล่าวอีกว่า ในตอนแรกเขาและอดีตทหารแคนาดาอีกหลายคนชอบที่จะเข้าร่วม Norman Brigade ซึ่งเป็นหน่วยอาสาสมัครส่วนตัวที่ประจำอยู่ในยูเครนเป็นเวลาหลายเดือน นำโดยอดีตทหารควิเบกซึ่งมีชื่อเรียกว่า Hrulf ความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มทหารประจำการและทหารรับจ้างจำนวนมากละทิ้งกองพลนอร์มัน
ทหารคนที่สาม ขอไม่เปิดเผยชื่อซึ่งได้กล่าวไว้กับ La Presse ว่าสัญญาเกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันที่จัดส่งมอบโดยผู้บัญชาการกองพลนอร์มันซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อาสาสมัครบางคนพบว่าตัวเองอยู่ห่างจากแนวรบรัสเซียประมาณ 40 กิโลเมตรโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ “หากมีความก้าวหน้าของรัสเซีย ทุกคนคงตกอยู่ในความเสี่ยง มันเป็นทัศนคติที่ขาดความรับผิดชอบในส่วนของ Brigade” อดีตทหารคนหนึ่งกล่าวซึ่งขอให้ปิดชื่อของเขาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ผู้บัญชาการกองพลนอร์มัน ซึ่งขอให้พวกเราระงับการใช้ชื่อจริง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ยืนยันว่าเขาถูกทิ้งโดยทหารรับจ้างประมาณ 60 คนตั้งแต่เริ่มการสู้รบ พวกเขาหลายคนต้องการลงนามในสัญญาที่จะให้สถานะแก่พวกเขาภายใต้อนุสัญญาเจนีวา
เฉกเช่นเดียวกับการรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติจากรัฐบาลยูเครนในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ Hrulf อ้างว่าบางคนถึงกับ “วางแผน” เพื่อขโมยอาวุธจำนวน 500,000 เหรียญที่ส่งมาจากรัฐบาลอเมริกันเพื่อสร้างหน่วยรบเป็นของตนเอง
“มีพวกที่รีบไปด้านหน้าโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแม้แต่น้อย กองทัพยูเครนทดสอบเรา และตอนนั้นที่เราเริ่มได้รับภารกิจเพิ่ม มีองค์ประกอบของความไว้วางใจที่ต้องสร้างขึ้น และนั่นถือเป็นเรื่องปกติ” Hrulf กล่าว
วาลีระบุว่า ตัวเขาเองบอกว่าเขายิงกระสุนเพียงสองนัดเข้าไปในหน้าต่าง “เพื่อหวังแค่ข่มขู่ทหารรัสเซียเท่านั้น” อันที่จริงทหารยูเครนเป็น “ผู้กล้าหาญอย่างยิ่ง” ประสบความสูญเสียอย่างหนักจากถูกยิงด้วยกระสุน แต่ก็ “พลาดโอกาสมากมาย” ในการทำให้ฝ่ายรัสเซียอ่อนแอลง เพราะพวกเขา (ทหารยูเครน) ขาดประสบการณ์รบและความรู้ด้านเทคนิคเกี่ยวกับทหาร
เขาสรุป “หากทหารยูเครนมีประสบการณ์เหมือนเราในอัฟกานิสถานในการสื่อสารกับปืนใหญ่ เราอาจจะสังหารหมู่ (ทหารรัสเซีย) ได้ เขาเชื่ออย่างนี้
“ทหารรับจ้างหลายคนคาดหวังว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่สงครามกลับตรงกันข้าม มันเป็นความผิดหวังอย่างยิ่ง” วาลีสรุปในส่วนของเขา
อย่างไรก็ตาม ทหารรับจ้างส่วนใหญ่ตัดสินใจกลับบ้าน มีคนหลายคนให้สัมภาษณ์สำหรับบทความนี้ “หลายคนมาถึงยูเครนด้วยหน้าอกที่โปน แต่พวกเขาต้องกลับทิ้งหางไว้หว่างขา” วาลีกล่าวทิ้งท้าย