สถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ขัดแย้งยูเครน-ดอนบาส ขณะที่รัสเซียยังคงเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการลดระดับสถานการณ์รอบ ๆ ยูเครน โดยขอให้สหรัฐและตะวันตกควบคุมให้เคียฟปฏิบัติตามข้อตกลงสัญญาสันติภ่าพมินสก์ เรียกร้องให้ตะวันตกเลิกสนับสนุนทางทหารกับประเทศนี้ แต่สหรัฐและตะวันตกแม้แต่ยูเอ็นเอสซีกลับไม่สนใจคำร้องของรัสเซียแต่อย่างใด แต่พอยูเครนชูประเด็นขอให้บังคับรัสเซียทำตาม สนธิสัญญามินสก์ สหรัฐและสหประชาชาติโดดงับทันที โดยไม่นำพาว่ายูเครนเป็นฝ่ายละเมิดสัญญานี้มาตลอด
วันที่ 18 ก.พ.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่าอนาโตลี อันโตนอฟ(Russian Ambassador to the US, Anatoly Antonov)เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯตอบโต้ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธอย่างเหยียดหยามต่อการก่ออาชญากรรมล้างเผ่าพันธุ์ประชากรรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน ว่ารัสเซียปั้นข่าวเท็จ
เอกอัครราชทูตรัสเซียกล่าวว่า “สิ่งนี้ทำให้เกิดความโกรธและความขุ่นเคือง เราจะตีความการปลอกกระสุนของย่านที่อยู่อาศัยโดยกองกำลังยูเครน ทั้งการใช้เครื่องยิงจรวดหลายเครื่อง หรือแม้แต่หลุมศพที่ค้นพบโดยพลเรือนเกือบ 300 รายใกล้ ลูฮานสค์(Lugansk) ซึ่งถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม เพียงเพราะพวกเขาเป็นชนพื้นเมืองสลาฟที่ใช้ภาษารัสเซียหรือ? ทำไมไม่เปิดการสอบสวน”
ย้ำว่า “นี่ไม่ใช่แค่สองมาตรฐานจากฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการถากถางอย่างหยาบคาย แสดงว่าคำขวัญที่สวยงามของวอชิงตันเกี่ยวกับคุณค่าสูงสุดของสิทธิมนุษยชนนั้นไร้ค่า เป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์การเมืองหลักของสหรัฐฯ คือการยึดถือขับไล่รัสเซียไปให้ไกลที่สุด ดังนั้น จึงต้องลากเส้นเพื่อบีบประชาชนที่พูดภาษารัสเซียจากถิ่นที่อยู่อาศัยของเขา นั่นคือเหตุผลที่ชาวอเมริกันไม่เพียงแต่เพิกเฉย ต่อความพยายามในการดูดกลืนเชื้อชาติรัสเซียในยูเครน แต่ยังสนับสนุนให้ถูกกดขี่ปราบปรามทางการเมืองและการทหารในทุกวิถีทาง”
“เราขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ หยุดจุดกระแสปั่นสงครามให้นักข่าว และให้ความสำคัญกับประเด็นสำคัญอย่างแท้จริงในการยุติความขัดแย้งภายในยูเครนด้วยการฑูต”
ก่อนหน้านี้ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.(เวลา 02.00น.ตามเวลาท้องถิ่น) ได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างทหารยูเครนกับสาธารณรัฐโดเนตสก์ โหมกระพือความกังวลขึ้นมาอีกรอบ ในขณะที่สหรัฐและบรรดาเจ้าหน้าที่ตะวันตกอ้างมานาน ว่า มอสโกอาจพยายามก่อสถานการณ์หนึ่งๆ ขึ้นมาเพื่ออ้างความชอบธรรมในการรุกราน ซึ่งสื่อตะวันตกเร่งชงให้น้ำหนักว่า นี่คือการสร้างสถานการณ์จากรัสเซีย
โทษกันไปมาแบบนี้ สื่อตะวันตกเลือกข้างสหรัฐฯอยู่แล้ว แต่สังคมโลกต่างประจักษ์ชัดว่า ประเทศไหนใช้การโกหกปั้นข่าวเท็จมาโดยตลอดผ่านสื่อสงครามข่าวสาร นับตั้งแต่กรณีสงครามลิเบีย อิรัก และอาฟกานิสถาน
ล่าสุดมีรายงานการยิงโจมตีและถล่มด้วยปืนใหญ่ข้ามแนวรบภาคตะวันออกเมื่อวันพฤหัสบดีนั้น ฝั่งยูเครนโทษกบฏยิงปืนใหญ่ตกใส่โรงเรียนอนุบาลฝั่งที่เคียฟควบคุม ฝ่ายหน่วยอาสาของโดเนตสก์รายงานทหารยูเครนเปิดฉากโจมตีหลายครั้ง เรื่องนี้ฝั่งรัสเซียกล่าวว่าสถานการณ์ทั้งหมดน่ากังวลอย่างยิ่ง
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับชอลซ์ปธน.เยอรมนีว่าความโหดร้ายต่อพลเรือนในยูเครนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคียฟกำลังดำเนินการ “ก่ออาชญากรรมล้างเผ่าพันธุ์” ในดอนบาส ในขณะเดียวกัน สื่อของรัสเซียได้ออกอากาศหลายรายการแสดงหลุมศพขนาดใหญ่ฝังประชาชนรวมหมู่ ที่เป็นความลับในภูมิภาคนี้ ช่วงสงครามหลังรัฐประหาร 2014 และเปิดโปงกองกำลังยูเครนในการใช้อาวุธเคมีกับประชาชนในดอนบาส
สหรัฐฯ รีบออกมาแก้ข่าวพัลวันว่า รัสเซียกำลังใช้ถ้อยคำยั่วยุเพื่อเป็น “ข้ออ้าง” สำหรับการบุกรุกที่อาจเกิดขึ้นในยูเครน ทำให้ทูตรัสเซียต้องออกมาตอบโต้เดือด
สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ (LPR:Luhansk People’s Republic) และสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (DPR:Donetsk People’s Republic) เปิดเผยกับสื่อทางการของรัสเซียว่า ถูกกองทัพยูเครนโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดีด้วยการยิงปืนใหญ่อย่างหนัก มากที่สุดนับตั้งแต่ครั้งล่าสุดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เรียกร้องให้ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ บันทึกการโจมตีและใช้มาตรการป้องกันการรุกรานของยูเครนด้วยแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
ลูฮานสก์ และโดเนตสก์ ประกาศเอกราชในต้นปี 2014/2557 หลังจากรัฐบาลชาตินิยมฝ่ายขวาที่สนับสนุนโดยสหรัฐเข้ายึดอำนาจในเคียฟ และเริ่มวางโปรแกรมเพื่อลดสถานะชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซียจำนวนมากของประเทศให้กลายเป็นชนชั้นสอง ในช่วงเวลานั้นรัสเซียยังไม่ได้รับรองสองรัฐนี้อย่างเป็นทางการแม้จะถูกร้องขอ และชูข้อตกลงสันติภาพมินสก์เป็นสำคัญ แต่จนวันนี้ข้อตกลงมินสก์ไม่เคยประสบผลเพราะยูเครนไม่เคยปฏิบัติตาม
